นายนริศ ขำนุรักษ์ ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์เฟซบุ๊ก“นริศ ขำนุรักษ์”ระบุว่า ความเห็นของดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เกี่ยวกับหน้ากากอนามัย 200 ล้านชิ้น หน้ากากอนามัยอาวุธคู่กายของผู้คนทั่วโลกที่เราใช้กันในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคร้ายอย่างเชื้อไวรัสโควิด-19 ในขณะนี้ยังเป็นที่ต้องการของอย่างมิขาดสาย โดยในไทยยังพบการขาดแคลนหน้ากากอนามัยทั้งที่ใช้ในบุคคลทั่วไปและสำหรับโรงพยาบาล อย่างไรก็ดีทางออกสำหรับประชาชนทั่วไปที่ไม่มีอาการป่วยเราก็ได้ฮีโร่อย่างหน้ากากผ้ามาช่วยป้องกันอีกแรง
มีการพูดถึงข่าวหน้ากากอนามัย 200 ล้านชิ้น จากหลายคน หลากทัศนะ แต่มีประเด็นข้อเท็จจริงเรื่องนี้ที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง จาก ดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งได้ติดตามประเด็นดังกล่าวและโพตส์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก เมื่อวันที่ 13 เมษายน 2563 โดยมีเนื้อหากล่าวถึงการตามหาหน้ากากอนามัย 200 ล้านชิ้น ที่มีข่าวเมื่อปลายเดือนมกราคมว่า มีหน้ากากอนามัยอยู่ในสต๊อกถึง 200 ล้านชิ้น จนเกิดการค้นหาคำตอบว่าหน้ากากอนามัย 200 ล้านชิ้นที่เราพูดถึงกันอยู่นั้น มีอยู่จริงหรือไม่ ซึ่ง ดร.สามารถ เองได้อธิบายเหตุการณ์ดังกล่าวไว้ว่า ในสถานการณ์ปกติที่ไม่มีโควิด-19 โรงงานผลิตหน้ากากอนามัยจำนวน 11 โรงงาน สามารถผลิตหน้ากากอนามัยได้วันละ 1.2 ล้านชิ้น
ดังนั้น หากต้องการผลิตหน้ากากอนามัย 200 ล้านชิ้น จะต้องใช้เวลา 167 วัน หรือประมาณ 5 เดือนครึ่ง นั่นหมายความว่าถ้าโรงงานเหล่านี้ต้องการเก็บหน้ากากอนามัยไว้ในสต๊อกโดยไม่ปล่อยขายเลยจะต้องใช้เวลาถึง 5 เดือนครึ่ง จึงจะสามารถสะสมหน้ากากอนามัยได้ 200 ล้านชิ้น แต่ในความเป็นจริง ทุกโรงงานเมื่อผลิตออกมาแล้วจะปล่อยขายทันที อาจจะเก็บไว้ในสต๊อกบ้างเป็นจำนวนไม่มาก เช่นประมาณ 10% ของจำนวนที่ผลิตได้ในแต่ละวัน ซึ่งคิดเป็น 120,000 ชิ้นต่อวัน ดังนั้นหากต้องการสะสมให้ได้ถึง 200 ล้านชิ้น จะต้องใช้เวลานานถึง 1,667 วัน หรือประมาณ 4 ปีครึ่ง ถามว่าจะมีโรงงานไหนที่จะเก็บหน้ากากอนามัยไว้นานถึงเพียงนั้น ซึ่งจะทำให้มีต้นทุนทางธุรกิจสูงขึ้นโดยไม่จำเป็น อีกทั้ง จะทำให้หน้ากากอนามัยเสื่อมคุณภาพ เพราะหน้ากากอนามัยมีอายุการใช้งานไม่เกิน 3 ปีเท่านั้น ด้วยเหตุนี้ จึงสรุปได้ว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะมีหน้ากากอนามัยอยู่ในสต๊อกถึง 200 ล้านชิ้น
อีกทั้ง ดร.สามารถยังได้มีการอ้างถึงข่าวจาก CNN ในเรื่องหน้ากากอนามัยของประเทศสหรัฐอเมริกาเมื่อปลายเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ที่มีหน้ากากอนามัยอยู่ในสต๊อกเพียง 30 ล้านชิ้นเท่านั้น ซึ่งสหรัฐอเมริกามีประชากร 331 ล้านคน ในขณะที่ไทยมีเพียง 66.6 ล้านคน ซึ่งเป็นไปไม่ได้เลยที่เราจะมีหน้ากากอนามัยในสต๊อกได้ถึง 200 ล้านชิ้น ข่าวนี้จึงเป็นเครื่องยืนยันอีกหนึ่งเสียง
แม้ว่าขณะนี้เราสามารถผลิตหน้ากากอนามัยได้ถึงวันละ 2.3 ล้านชิ้น (เพิ่มขึ้นจากเดิมที่ผลิตได้วันละ 1.2 ล้านชิ้น) แล้วก็ตาม แต่ยังมีความต้องการที่จะใช้หน้ากากอนามัยเป็นจำนวนมาก ทำให้ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 หรือ ศบค.แนะนำให้ประชาชนทั่วไปใช้หน้ากากผ้าแทน ส่วนหน้ากากอนามัยนั้น ศบค.ได้จัดสรรให้บุคลากรทางแพทย์และผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงเป็นอันดับแรก
เป็นที่ทราบกันดีว่ายอดผู้ติดเชื้อที่พบใหม่ในประเทศไทยรายวันกำลังลดลงเรื่อยๆอย่างมีนัยสำคัญเพราะประชาชนชาวไทยทุกคนร่วมแรงร่วมใจกันดูแลสุขภาพและอยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อตัวคุณเอง อีกทั้งบุคลากรทางการแพทย์ที่เข้มแข็งของเรายังทุ่มเทเต็มกำลังให้การรักษาผู้ป่วยอย่างเต็มที่ อีกไม่นาน เราจะผ่านพ้นวิกฤตการณ์นี้ไปได้อย่างแน่นอน
ด้วยความห่วงใย เรามาก้าวข้ามผ่านวิกฤตินี้ไปด้วยกัน
Stay healthy and be positive+