นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ทำหนังสือด่วนที่สุดถึงผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด เรื่อง การปฏิบัติตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักรลงวันที่ 25 มีนาคม 2563 และข้อกำหนด ออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 เนื้อหาระบุว่า ตามที่กระทรวงมหาดไทยได้แจ้งให้จังหวัดปฏิบัติตามข้อกำหนด ออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 มาเป็นลำดับนั้น ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 กระทรวงมหาดไทยพิจารณาแล้วเห็นว่าเพื่อให้การปฏิบัติตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร ลงวันที่ 25 มีนาคม 2563 และข้อกำหนด ออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ฉบับที่ 1-3 รวมทั้งมติของศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019
ปลัดกระทรวงมหาดไทย ในฐานะหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินในส่วนที่เกี่ยวกับการสั่งการและประสานกับผู้ว่าราชการจังหวัด และในฐานะหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการด้านมาตรการป้องกันและช่วยเหลือประชาชน ขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดให้ข้อมูลและชี้แจงในการประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเพื่อพิจารณาดำเนินการให้เป็นไปตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร ลงวันที่ 25 มีนาคม 2563 และข้อกำหนด ออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 รวมทั้งมติของศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส โคโรนา 2019 ดังนี้
1. สถานการณ์ปัจุบันแม้ว่าจังหวัดจะประเมินสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ตามข้อมูลของแต่ละพื้นที่ของแต่ละจังหวัด และมีการยกเลิกการปฏิบัติในบางประเด็นที่มีความแตกต่างหลากหลาย ซึ่งกระทรวงมหาดไทยต้องดำเนินการให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน ตามกรอบของศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ไม่ให้เกิดความลักลั่น หรือเกิดมิติความเห็นที่แตกต่างกัน รวมทั้งให้เกิดความรับรู้และเข้าใจในกรอบการปฏิบัติงานตามแนวทางของภาครัฐร่วมกัน จึงขอให้จังหวัดยังคงดำเนินการตามประกาศ/คำสั่งที่ได้กำหนดไว้แล้วต่อเนื่องไปจนถึงวันที่ 30 เมษายน 2563 โดยพร้อมเพรียงกันตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักรลงวันที่ 25 มีนาคม 2563 และข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ฉบับที่ 1-3 เว้นแต่ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 จะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง
ทั้งนี้ ให้จังหวัดยึดแนวทางการปฏิบัติตามสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักรลงวันที่ 25 มีนาคม 2563 และข้อกำหนดออกความตามมาตรา 9 แห่งพระราชบัญญัติการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 เป็นหลักโดยเครางครัด กรณีที่จังหวัดได้กำหนดวันสิ้นสุดของประกาศคำสั่งไว้ก่อนวันที่ 30 เมษายน 2563 หรือไม่ได้กำหนดวันสิ้นสุดไว้ ให้จังหวัดกำหนดวันสิ้นสุดของประกาศคำสั่งนั้นให้สอดคล้องกับสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร ลงวันที่ 25 มีนาคม 2563 และข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชบัญญัติกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 คือวันที่ 30 เมษายน 2563
2. ประเด็นการกำหนดเวลาขายของร้านสะดวกซื้อที่แตกต่างกัน ให้จังหวัดปรับเวลาให้สอดคล้องกับประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร ลงวันที่ 25 มีนาคม 2563 และข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ในเรื่อง การห้ามออกนอกเคหสถาน คือ ระหว่างเวลา 22.00 น.ถึง 04.00 น. ของวันรุ่งขึ้น และให้มีผลถึงวันที่ 30 เมษายน 2563
3. เพื่อให้เกิดความรอบคอบ ไม่เกิดความสับสนต่อประชาชนที่จะให้ความร่วมมือในการปฏิบัติ ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดรอผลการประเมินสถานการณ์ของคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ (ซึ่งเป็นสาระสำคัญในประเด็นการควบคุมโรคติดต่อตามแนวทางของกระทรวงสาธารณสุข) ที่จะนำเสนอต่อ ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พิจารณาในภาพรวมทั้งประเทศ พร้อมกันนี้ ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดแจ้งคณะกรมการโรคติดต่อจังหวัด เพื่อพิจารณาประเมินสถานการณ์ของจังหวัดไว้ด้วย