xs
xsm
sm
md
lg

ผู้ว่าฯ ชัยนาทสั่งเปลี่ยนแปลงเวลาปิดร้านสะดวกซื้อ ให้ตรงกับเวลาเคอร์ฟิว

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ชัยนาท - ผู้ว่าฯ ชัยนาทออกคำสั่งเปลี่ยนแปลงเวลาปิดร้านสะดวกซื้อ ให้ตรงกับเวลาเคอร์ฟิว ป้องกันประชาชนสับสน จากเดิมเวลา 22.00 น. ถึงเวลา 05.00 น.ของวันถัดไป เป็นเวลา 22.00 น. ถึงเวลา 04.00 น.ของวันถัดไป

วันนี้ (14 เม.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายรณภพ เหลืองไพโรจน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดชัยนาท มีคำสั่งเปลี่ยนแปลงเวลาปิดร้านสะดวกซื้อ จากเดิมที่เคยมีคำสั่งปิดร้านสะดวกซื้อ เมื่อวันที่ 2 เมษายน 2563 ตั้งแต่เวลา 22.00 น. ถึงเวลา 05.00 น.ของวันถัดไป ให้เปลี่ยนเป็นเวลา 22.00 น. ถึงเวลา 04.00 น.ของวันถัดไป เพื่อให้สอดคล้องต่อห้วงเวลาตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 และเพื่อป้องกันไม่ให้ประชาชนเกิดความสับสนในช่วงเวลากำหนดเคอร์ฟิว

โดยคำสั่งดังกล่าวระบุว่า อนุสนธิ คำสั่งจังหวัดชัยนาทที่ 1467/2563 เรื่อง ปิดสถานที่ที่เสี่ยงต่อการแพร่ระบาดจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVD-19) (ฉบับที่ 4) ลงวันที่ 2 เมษายน 2563 โดยที่สถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ได้แพร่ระบาดอย่างรวดเร็วและกว้างขวางไปหลายประเทศทั่วโลก นายกรัฐมนตรีโดยความเห็นขอบของคณะรัฐมนตรี จึงได้มีประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร ฉบับลงวันที่ 25 มีนาคม 2563 เกี่ยวกับโรคดังกล่าว

ประกอบกับได้มีหนังสือกระทรวงมหาดไทย ด่วนที่สุดที่ มท 0230 /ว 2161 ลงวันที่ 11 เมษายน 2563 เรื่อง ข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 (ฉบับที่ 3) ให้จังหวัดพิจารณาทบทวนประกาศหรือคำสั่งของจังหวัดในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับห้วงเวลาให้มีความสอดคล้องต่อห้วงเวลาตามข้อกำหนดดังกล่าว

เพื่อป้องกันมิให้เกิดความสับสนแก่ประชาชน อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 35 แห่งพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ.2558 และข้อ 1 ของข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2558 (ฉบับที่ 2) ลงวันที่ 2 เมษายน 2563 ผู้ว่าราชการจังหวัดชัยนาท โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดชัยนาท จึงเปลี่ยนแปลงเวลาปิดร้านสะดวกซื้อ จากเดิมเวลา 22.00 น. ถึงเวลา 05.00 น.ของวันถัดไป เป็นเวลา 22.00 น. ถึงเวลา 04.00 น.ของวันถัดไป

อนึ่ง เนื่องจากเป็นกรณีที่มีความจำเป็นรีบด่วนหากปล่อยให้เนิ่นช้าไปจะก่อให้เกิดผลเสียหายอย่างร้ายแรงแก่สาธารณชนหรือกระทบต่อประโยชน์สาธารณะ จึงไม่อาจให้คู่กรณีใช้สิทธิโต้แย้ง ตามมาตรา 30 วรรคสอง (1) แห่งพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ.2539 หากผู้ใดฝ่าฝืน หรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งฉบับนี้ จะมีความผิดตามมาตรา 52 แห่งพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ.2558 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 14 เมษายน พ.ศ.2563 จนถึงวันที่ 30 เมษายน พ.ศ.2563








กำลังโหลดความคิดเห็น