เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่คำสั่งศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง ที่ 8 /2563 เรื่อง มอบหมายให้ผู้กำหนดแนวทางอนุญาตของพนักงานเจ้าหน้าที่ และเหตุจำเป็นอื่นๆ ตามข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการ ในสถานการณ์ฉุกเฉินพ.ศ.2548 (ฉบับที่ 2 )
ตามที่ได้มีประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร ตั้งแต่วันที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2563 ถึงวันที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2563 และต่อมาได้มีข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหาราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 (ฉบับที่ 2) ลงวันที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2563 กําหนดห้ามบุคคลใดทั่วราชอาณาจักรออกนอกเคหสถานระหว่าง เวลา 22.00 น. – 04.00 น.ของวันรุ่งขึ้น เว้นแต่มีความจำเป็น หรือเป็นผู้ปฏิบัติงาน ด้านการแพทย์ การธนาคาร การขนส่งสินค้าอุปโภคบริโภค ผลผลิตการเกษตร ยา เวชภัณฑ์ เครื่องมือแพทย์ หนังสือพิมพ์ การขนส่งน้ํามันเชื้อเพลิง การขนส่งพัสดุภัณฑ์ การขนส่งสินค้าเพื่อการนำเข้าหรือส่งออก การขนย้ายประชาชนไปสู่ที่เอกเทศ เพื่อกักกันตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อ การเข้าออกเวรทํางานผลัดกลางคืนตามปกติ หรือการเดินทางมาจากหรือไปยังท่าอากาศยาน โดยมีเอกสารรับรองความจำเป็นหรือเอกสารเก่ียวกับสินค้าหรือการเดินทาง และมีมาตรการป้องกันโรค ตามข้อกําหนด (ฉบับที่ 1) หรือเป็นเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานตามข้อกำหนด ประกาศ หรือคำสั่งต่างๆ ของทางราชการ หรือมีเหตุจำเป็นอื่นๆ โดยได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ นั้น
เพื่อให้การปฏิบัติของพนักงานเจ้าหน้าที่ตามวรรคหนึ่งเป็นไปด้วยความเรียบร้อย อาศัยอำนาจตามคำสั่งนายกรัฐมนตรีที่ 4/2563 ลงวันที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2563 เรื่อง แต่งตั้งผู้กำกับการปฏิบัติงาน หัวหน้าผู้รับผิดชอบและพนักงานเจ้าหน้าที่ในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน ข้อ 3 (6) ข้อ 4 และข้อ 5 จึงมอบหมายให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ หรือผู้ที่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติมอบหมาย เป็นผู้พิจารณากำหนดแนวทางอนุญาตของพนักงานเจ้าหน้าที่และเหตุจำเป็นอื่นๆ ตามข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหาราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 (ฉบับที่ 2)
ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
สั่ง ณ วันที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2563
พลเอก พรพิพัฒน์ เบญญศรี
ผู้บัญชาการทหารสูงสุด
หัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง