นครปฐม- รองคณบดี คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล เผยประกาศเคอร์ฟิวถือว่ารัฐบาลเดินมาถูกทางแล้ว เพราะเห็นตัวเลขการติดเชื้อคงที่ ขอคนไทยอดทนความอึดอัดในหลายเรื่องเพื่อผ่านวิกฤตนี้ไปได้พร้อมกัน
วันนี้ (3 เม.ย.) หลังจากที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ลงนามในประกาศข้อกำหนดฉบับที่ 2 ตามความในมาตรา 9 แห่ง พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 โดยเป็นการออกคำสั่งเพิ่มเติมจากฉบับที่ 1 ซึ่งมีผลเพิ่มขึ้นอีก 3 ข้อ ประกอบด้วย
1.ห้ามบุคคลใดทั่วราชอาณาจักรออกนอกเคหสถานเวลา 22.00-04.00 น. เว้นแต่มีความจำเป็นหรือเป็นผู้ปฏิบัติงานด้านการแพทย์ การธนาคาร การขนส่งสินค้าอุปโภคบริโภค ผลผลิตทางการเกษตร ยา เวชภัณฑ์ เครื่องมือแพทย์ หนังสือพิมพ์ การขนส่งน้ำมันเชื้อเพลิง การขนส่งพัสดุภัณฑ์ การขนส่งสินค้าเพื่อนำเข้าหรือส่งออก
การขนย้ายประชาชนไปสู่ที่เอกเทศเพื่อกักกันตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อ การเข้า-ออกเวรทำงานผลัดกลางคืนตามปกติ หรือเดินทางไปยังท่าอากาศยาน โดยมีเอกสารรับรองความจำเป็นและมีมาตรการป้องกันโรค หรือเป็นเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติตามข้อกำหนด หรือมีเหตุจำเป็นอื่นๆ โดยได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานเจ้าหน้าที่ ผู้ใดฝ่าฝืนต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ กรณีออกนอกประเทศไม่ได้ให้จัดที่เอกเทศกักตัว
2.ในกรณีที่มีการประกาศหรือสั่ง ห้าม เตือน หรือแนะนำในลักษณะเดียวกับข้อ 1 สำหรับจังหวัดพื้นที่หรือสถานที่ใดโดยกำหนดเงื่อนไขหรือเงื่อนเวลาที่เข้มงวดเคร่งครัดกว่ากำหนดนี้ ให้ปฏิบัติตามคำสั่งนั้นด้วย
3.ในกรณีไม่อาจเคลื่อนย้ายบุคคลใด ซึ่งอยู่ระหว่างการเดินทางเพื่อออกไปนอกราชอาณาจักรได้ ให้คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดหรือคณะกรรมการโรคติดต่อกรุงเทพมหานคร จัดที่เอกเทศเพื่อควบคุมหรือกักกันบุคคลดังกล่าว เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคตามเงื่อนไขและระยะเวลาที่กำหนด ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 3 เม.ย.2563 เป็นต้นไป จนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลง
โดย รศ.นพ.นริศ กิจณรงค์ รองคณบดีฝ่ายสื่อสารองค์กรและกิจกรรมเพื่อสังคม คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล เผยว่า สำหรับกรณีการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 เมื่อช่วงปลายเดือนที่ผ่านมา พบว่า ยังผู้ป่วยมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นวันละ 2-3 คน ช่วงแรกมาตรการของเรายังไม่เข้มงวด ซึ่งการแพร่ระบาดในพื้นที่ เช่น สนามมวย การปฏิบัติศาสนกิจต่างๆ สถานบันเทิง จะเห็นว่าเราพบว่าจุดนี้คือจุดเปลี่ยนการแพร่ระบาดของเชื้อ
ซึ่งต้องขอขอบคุณรัฐบาล กระทรวงสาธารณสุข และหน่วยงานต่างๆ ซึ่งตอนแรกอาจจะไม่เข้าใจในสถานการณ์โรคได้ดีนัก แต่เมื่อเข้าใจก็มีการบูรณาการร่วมกัน จนมีการประกาศเคอร์ฟิว และมีการประกาศมาตรการในการหยุดสถานที่ต่างๆ ซึ่งเป็นการร่วมแรงร่วมใจกันในทุกภาคส่วน และเห็นการแพร่ของเชื้อเป็นแบบคงที่ โดยมีผู้ป่วยที่เป็นผู้ป่วยใหม่ราววันละ 100 คน ถ้าไม่มากไปกว่านี้ก็แสดงว่าเรายังอยู่ในสถานการณ์ที่ควบคุมได้
ส่วนที่หลายคนบอกว่า ที่ทางการออกตัวเลขของผู้ติดเชื้อนั้นเป็นตัวเลขที่ไม่จริง แต่จริงๆ แล้วเป็นเพราะความเข้มข้นเอาจริงเอาจังในการปิดสถานบันเทิง ปิดสนามมวย และปิดศาสนสถานต่างๆ ทำให้พบว่าตัวเลขของผู้ติดเชื้อนั้นคงที่ การประกาศเคอร์ฟิว จึงทำเป็นการทำมาตรการที่เข้มงวดขึ้น ทำให้ตัวเลขของผู้ติดเชื้อนั้นคงตัวหรือลดลง อยากจะเชิญชวนมาร่วมกันโดยอาจจะทำให้เกิดความอึดอัดในช่วงนี้แต่ขอให้ทุกคนอดทน
เมื่อเราอดทนถึงจุดหนึ่งเราจะพบว่าสิ่งต่างๆ ที่เราเสียสละนั้นเป็นประโยชน์กับทุกภาคส่วน แล้วเราจะผ่านวิกฤตนี้ไปอย่างรวดเร็ว แต่ถ้าเราไม่ทำแบบนั้นอาจจะทำให้เราเกิดวิกฤตการณ์ที่เกิดขึ้นในยุโรปก็ได้ เมื่อสถานการณ์ดีขึ้น เชื่อว่ารัฐบาลนั้นมาถูกทางแล้ว เมื่อสถานการณ์ดีขึ้นก็จะมีการปรับเปลี่ยนยุทธวิธี ซึ่งทำให้คนไทยอยู่ได้อย่างปลอดภัยและมีความสุขในอนาคต ทนกันอีกนิด รับรองว่าเราจะผ่านไปด้วยกัน