นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้สั่งการให้กระทรวงคมนาคมเพิ่มขบวนรถและปรับความถี่ เพื่ออำนวยความสะดวกการเดินทางให้บริการแก่ประชาชนในช่วงก่อนเคอร์ฟิวเวลา 22.00 น. และก่อนเริ่มวันใหม่ เวลา 04.00 น. ขณะเดียวกัน ได้สั่งการให้ระบบขนส่งสาธารณะเข้มงวดมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม (Social Distancing) เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19
ขณะที่บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ MRT ในส่วนของสายสีน้ำเงิน ปรับความถี่เดินรถเป็น 3.50 นาทีต่อขบวน ในช่วงเวลา 17.30-21.30 น. พร้อมทั้งเพิ่มการบริการช่วงชั่วโมงเร่งด่วน 3 เที่ยว รองรับผู้โดยสารเพิ่มขึ้นได้ถึง 450 คน สายสีม่วง ปรับความถี่เดินรถรถเป็น 4.30 นาทีต่อขบวน ในช่วงเวลา 18.00-21.30 น. และเพิ่มการบริการช่วงชั่วโมงเร่งด่วน 9 เที่ยว รองรับผู้โดยสารเพิ่มขึ้นได้ถึง 1,350 คน
ทั้งนี้ บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด หรือผู้ให้บริการรถไฟฟ้าแอร์พอร์ต เรล ลิงก์ ได้เพิ่มขบวนรถเสริม 2 ขบวน และปรับความถี่เดินรถสูงสุดเป็น 7.30 นาทีต่อขบวน ในช่วงเวลา 19.00-21.30 น. ขณะเดียวกัน เพิ่มการบริการช่วงชั่วโมงเร่งด่วน 10 เที่ยว รองรับผู้โดยสารเพิ่มขึ้นได้ถึง 1,300 คน
ส่วนบริษัทระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ในส่วนของรถไฟฟ้าสายสีเขียว เพิ่มการบริการช่วงชั่วโมงเร่งด่วน 20.00-21.30 น.เพื่ออำนวยความสะดวกประชาชนช่วงเคอร์ฟิว สำหรับสายสุขุมวิท ได้มีการเพิ่มการบริการช่วงชั่วโมงเร่งด่วน 15 เที่ยว รองรับผู้โดยสารเพิ่มขึ้น 3,720 คน สายสีลมเพิ่มการบริการช่วงชั่วโมงเร่งด่วน 6 เที่ยว รองรับผู้โดยสารได้ถึง 1,488 คน โดยบริษัทเน้นย้ำนโยบาย Social Distancing อย่างเคร่งครัด
นอกจากนี้ รถโดยสารประจำทาง (รถเมล์) ขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) นั้น รถคันแรกออกจากต้นทางเวลา 05.00 น. ปรับความถี่ปล่อยรถห่างกันไม่เกิน 5-10 นาทีต่อคัน ในส่วนของรถคันสุดท้าย ออกจากต้นทางเวลา 18.00-19.00 น. และรถออกจากปลายทางเวลา 20.00 น. ปรับความถี่เดินรถ 3 คันสุดท้าย ห่างกัน 5-10 นาทีต่อคัน ทั้งนี้ ขสมก.เพิ่มเที่ยวรถบริการช่วงชั่วโมงเร่งด่วน 2,453 เที่ยว (รับได้ 31 คนต่อเที่ยว) รองรับผู้โดยสารเพิ่มขึ้นได้ถึง 74,476 คน อย่างไรก็ตาม การคำนวณการรองรับผู้โดยสารนั้น ให้เป็นไปตาม Social Distancing