น.ส.กัณญภัค ตันติพิพัฒนพงศ์ ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) คาดการณ์การส่งออกไทยในปี 2563 จะติดลบไม่ต่ำกว่าร้อยละ 8 และมีโอกาสหดตัวถึงตัวเลขสองหลักบนสมมติฐานค่าเงิน 30.5 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งหากติดลบตัวเลขสองตัวก็ถือว่าต่ำสุดในรอบ 10 ปี โดยมีปัจจัยบวกสำคัญคือ การค้าขายผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในกลุ่มสินค้าอุปโภคและสินค้าเวชภัณฑ์ เนื่องจากเป็นช่องทางที่ประชาชนสามารถทำธุรกรรมได้สะดวก รวดเร็ว ประกอบกับการที่ไม่สามารถออกไปจับจ่ายซื้อของสินค้าได้ตามปกติ ค่าเงินบาทที่มีแนวโน้มอ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่อง จากความกังวลในสถานการณ์การระบาดของโรค COVID-19 ที่มีการระบาดไปทั่วโลก ทำให้เกิดความไม่มีเสถียรภาพในตลาดการเงินทั่วโลกรวมทั้งไทย และผลกระทบของการระบาดต่อผลทางเศรษฐกิจภาพรวม และ ราคาน้ำมันปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงต้นปี เนื่องจากผลของการระบาดไวรัสโควิด-19 ส่งผลต่ออุปสงค์การใช้น้ำมันที่ลดลงทั่วโลกประกอบกับสงครามราคาน้ำมันระหว่างซาอุดิระเบีย รัสเซียและสหรัฐฯ ในช่วงต้นเดือนมีนาคม ที่ผ่านมา อาจให้เกิดผลดีต่อต้นทุนการผลิตและโลจิสติกส์ระหว่างประเทศลดต่ำลง ขณะที่ปัจจัยเสี่ยงที่อาจเป็นอุปสรรคสำคัญ เช่น ผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่ส่งผลต่อห่วงโซ่การผลิตทั่วโลก มีผลต่อการส่งออกการแพร่ะบาดของไวรัสCOVID-19 หลายประเทศเริ่มมาตรการห้ามการเข้า-ออก การเดินทาง หรือล็อกดาวน์ กระทบต่อภาคการผลิตในประเทศรายได้ของประชาชนที่ลดลง ลดการจ้างงาน ปิดกิจการชั่วคราวและถาวร ส่งผลกระทบโดยตรงต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจหลายประเทศรวมถึงไทย ระบบลอจิสติกส์ที่มีปัญหาทั่วโลก ทั้งทางเรือ ทางอากาศ และทางถนน
ทั้งนี้ สรท.ได้จัดทำข้อเสนอแนะรองรับผลกระทบจากโควิด-19 ต่อภาคการส่งออกไทย เพื่อเสนอต่อหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนที่เกี่ยวข้อง โดยข้อเสนอแนะที่จัดทำขึ้นได้พิจารณาทั้งในส่วนของระดับความสำคัญ (สูง/กลาง/ต่ำ) ระยะเวลาการใช้มาตรการที่รองรับทั้งระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว ครอบคลุมด้านการเงิน ด้านแรงงาน ด้านการนำเข้าวัตถุดิบและการส่งออกสินค้า ด้านลอจิสติกส์และการขนส่ง ด้านการตลาด เป็นต้น อีกทั้ง สรท.ได้ทำการเปรียบเทียบมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการในประเทศที่รัฐบาลได้ประกาศออกมาก่อนหน้านี้อย่างต่อเนื่อง หากแต่หลายมาตรการที่ออกมานั้นยังเพียงพอที่จะทำให้ผู้ประกอบการส่งออกและผู้ผลิตยังคงสามารถดำเนินธุรกิจได้ในช่วงระยะสั้นและอาจกระทบต่อเนื่องเป็นระยะยาวจนอาจถึงขั้นต้องปิดกิจการ
ทั้งนี้ สรท.ได้จัดทำข้อเสนอแนะรองรับผลกระทบจากโควิด-19 ต่อภาคการส่งออกไทย เพื่อเสนอต่อหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนที่เกี่ยวข้อง โดยข้อเสนอแนะที่จัดทำขึ้นได้พิจารณาทั้งในส่วนของระดับความสำคัญ (สูง/กลาง/ต่ำ) ระยะเวลาการใช้มาตรการที่รองรับทั้งระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว ครอบคลุมด้านการเงิน ด้านแรงงาน ด้านการนำเข้าวัตถุดิบและการส่งออกสินค้า ด้านลอจิสติกส์และการขนส่ง ด้านการตลาด เป็นต้น อีกทั้ง สรท.ได้ทำการเปรียบเทียบมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการในประเทศที่รัฐบาลได้ประกาศออกมาก่อนหน้านี้อย่างต่อเนื่อง หากแต่หลายมาตรการที่ออกมานั้นยังเพียงพอที่จะทำให้ผู้ประกอบการส่งออกและผู้ผลิตยังคงสามารถดำเนินธุรกิจได้ในช่วงระยะสั้นและอาจกระทบต่อเนื่องเป็นระยะยาวจนอาจถึงขั้นต้องปิดกิจการ