สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า นายสกอตต์ มอร์ริสัน นายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย แถลงว่าการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือโควิด-19 ก่อให้เกิดความท้าทายระดับโลก ทั้งในด้านสาธารณสุขและเศรษฐกิจ แน่นอนว่าออสเตรเลียเป็นหนึ่งในประเทศที่เผชิญกับวิกฤตดังกล่าวด้วย
แม้รัฐบาลใช้มาตรการประนีประนอมมาตลอด โดยยกระดับความเข้มงวดแบบค่อยเป็นค่อยไป แต่กลับไม่ได้รับความร่วมมืออย่างจริงจัง อาทิ ยังคงมีผู้คนจำนวนมากรวมตัวที่ชายหาดบอนได ในเมืองซิดนีย์ ซึ่งได้สั่งปิดแล้วตั้งแต่วันเสาร์ที่ผ่านมา
ด้วยเหตุนี้ ถึงเวลาแล้วที่ชาวออสเตรเลียต้องปรับเปลี่ยนรูปแบบการใช้ชีวิต โดยนับตั้งแต่เวลาเที่ยงตรงตามเวลาท้องถิ่นของวันจันทร์ที่ 23 มีนาคมนี้ เป็นต้นไป ร้านอาหาร โรงภาพยนตร์ ผับ ฟิตเนส และศาสนสถาน ต้องปิดให้บริการ การจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่มต้องเป็นเฉพาะการนำกลับไปรับประทานที่บ้านเท่านั้น ยกเว้นซูเปอร์มาร์เก็ต สถานีบริการน้ำมัน ธนาคาร และร้านขายยา ยังคงเปิดให้บริการ
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลไม่มีนโยบายปิดโรงเรียน แต่ผู้ปกครองสามารถประสานงานกับสถานศึกษาเพื่อขอให้บุตรหลานหยุดเรียนชั่วคราวได้ นอกจากนี้ รัฐบาลออสเตรเลียกำหนดมาตรการระยะห่างทางสังคม (Social Distancing) ในอัตราส่วน 4 ตารางเมตรต่อ 1 คน ในพื้นที่ปิด ทั้งนี้ มาตรการดังกล่าวมีผลบังคับใช้จนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลง
นายมอร์ริสัน กล่าวด้วยว่า รัฐบาลมีมาตรการฉุกเฉินรองรับการปิดเมืองครั้งนี้ที่อาจยาวนานถึง 6 เดือน พร้อมระบุว่า การต้องใช้มาตรการเช้มงวดยิ่งขึ้นเป็นเพราะจำนวนผู้เสียชีวิตและผู้ป่วยจากโรคโควิด-19 ในออสเตรเลียเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยผู้ป่วยสะสมมีอย่างน้อย 1,353 คน รักษาหายแล้ว 88 คน แต่เสียชีวิตอย่างน้อย 7 คน นับตั้งแต่มีการยืนยันผู้ป่วยคนแรกเมื่อวันที่ 25 มกราคม และผู้เสียชีวิคนแรกเมื่อวันที่ 1 มีนาคม ที่ผ่านมา