พ.อ.เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ โฆษกพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงสถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 และปัญหาฝุ่นพิษ PM 2.5 ว่า ช่วงที่ผ่านมาสถานการณ์ของทั้ง 2 ประเด็น มีความรุนแรงเพิ่มขึ้นในหลายประเทศ และทำให้เกิดผลกระทบทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะประเทศที่ยังไม่มีนโยบายในเรื่องออนไลน์อย่างจริงจัง เช่น การให้ทำงานที่บ้านได้ ทั้งในส่วนของภาคเอกชนและราชการ การเรียนออนไลน์ที่ไม่ต้องออกจากบ้าน โดยเฉพาะในช่วงที่ประเทศอยู่ในภาวะวิกฤต รวมถึงการส่งเสริมให้ประชาชนใช้รถไฟฟ้า ที่จะเป็นการช่วยลดมลพิษทางอากาศ
พ.อ.เศรษฐพงค์ กล่าวว่า ประเทศไทยเป็นหนึ่งประเทศที่ยังไม่มีการดำเนินการเรื่องดังกล่าวอย่างจริงจัง แต่รัฐบาลมีแนวทางอยู่แล้ว ซึ่งสอดคล้องกับพรรคภูมิใจไทยที่จะผลักดันอย่างจริงจัง ทั้งนโยบายทำงานที่บ้าน หรือการไม่ต้องเดินทางไปทำงานที่ออฟฟิศในตัวเมือง แต่สามารถทำงานได้ที่จุด co-working space ซึ่งนอกจากจะช่วยลดความเสี่ยงในการแพร่กระจายหรือรับเชื้อโรคแล้ว ยังทำให้ผลกระทบทางด้านเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นจากการหยุดงานลดลงไป หรือไม่มีผลกระทบเลยในบางธุรกิจ รวมถึงนโยบายเรียนออนไลน์ฟรี ที่จะทำให้เด็กนักเรียน นักศึกษา ที่หยุดเรียนในภาวะวิกฤตไม่เสียการเรียน สามารถเรียนต่อเนื่องได้เลย แต่สิ่งสำคัญคือ กระทรวงศึกษาธิการ หรือหน่วยงานด้านการศึกษา จะต้องมีการรับรองหลักสูตรออนไลน์ให้เป็นที่ยอมรับในการสมัครเข้าทำงาน โดยเฉพาะในหน่วยงานราชการ
โฆษกพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า ถึงเวลาแล้วที่รัฐบาลจะต้องให้ความสำคัญอย่างจริงจังกับนโยบายดังกล่าว และผลักดันเป็นวาระแห่งชาติ เพราะสถานการณ์วิกฤตทั้งไวรัสโควิด-19 และฝุ่นพิษ PM 2.5 ในอนาคตอาจเกิดขึ้นอีก ดังนั้น การมองอนาคตและเตรียมพร้อมเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง ต้องมีการปรับเปลี่ยนหลักสูตร การทำงานให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของโลก การที่เกิดโรคแล้วต้องหยุดเรียนหรือหยุดทำงานไปเลย มันไม่สอดคล้องกับสถานการณ์โลกปัจจุบัน