คณะกรรมาธิการสาธารณสุขแห่งชาติของจีนรายงานสถานการณ์เชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ระหว่างเดือนธันวาคม ปีที่แล้ว จนถึง ณ วันที่ 3 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ว่า จำนวนผู้เสียชีวิตเฉพาะในประเทศเพิ่มขึ้น 64 ราย อยู่ที่อย่างน้อย 425 ราย และจำนวนผู้ป่วยสะสมเพิ่มขึ้น 3,235 คน อยู่ที่อย่างน้อย 20,438 คน โดยพื้นที่วิกฤตที่สุดยังคงเป็นมณฑลหูเป่ย ทางตอนกลางของประเทศ ซึ่งมีเมืองอู่ฮั่นเป็นเมืองเอก
อย่างไรก็ตาม บุคลาการทางการแพทย์ร่วมกันรักษาผู้ป่วยจนหายดีแล้ว 632 คน แต่กำลังตรวจสอบเคสต้องสงสัยที่เพิ่มเป็นอย่างน้อย 23,214 เคส
ขณะที่สถานการณ์ติดเชื้อในต่างประเทศ นอกเหนือจากฮ่องกง มาเก๊า และไต้หวัน ยังคงอยู่ที่อย่างน้อย 23 ประเทศ ได้แก่ ไทย ญี่ปุ่น สิงคโปร์ เกาหลีใต้ ออสเตรเลีย มาเลเซีย เยอรมนี สหรัฐฯ ฝรั่งเศส เวียดนาม แคนาดา สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) อิตาลี รัสเซีย สหราชอาณาจักร กัมพูชา ฟินแลนด์ อินเดีย เนปาล ฟิลิปปินส์ สเปน ศรีลังกา และสวีเดน อย่างไรก็ตาม ในฟิลิปปินส์มีผู้เสียชีวิตแล้ว 1 คน เป็นนักท่องเที่ยวชายชาวจีนอายุ 44 ปี และถือเป็นการเสียชีวิตนอกแผ่นดินใหญ่เคสแรก
ด้านคณะกรรมการประจำกรมการเมืองแห่งคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน ออกแถลงการณ์เรื่อง "การปฏิรูประบบบริหารจัดการแห่งชาติ" เนื่องจากพบข้อบกพร่องและอุปสรรคหลายประการในการตอบสนองการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ โดยมาตรการจะรวมถึงการกวาดล้างธุรกิจจำหน่ายสัตว์ป่าให้สิ้นซาก
นอกจากนี้ แถลงการณ์ยังย้ำถึงการที่จีนขาดแคลนอุปกรณ์ป้องกันทางแพทย์ ไม่ว่าจะเป็นชุดป้องกัน แว่นตาป้องกัน และหน้ากากอนามัย ที่กำลังการผลิตตอนนี้อยู่ที่เพียง 20 ล้านชิ้น แต่จีนมีประชากรมากถึง 1,400 ล้านคน และทางการมณฑลกวางตุ้งซึ่งมีประชากรประมาณ 113 ล้านคน มากที่สุดในประเทศ ออกคำสั่งให้ประชาชนทุกคนต้องสวมหน้ากากอนามัยเมื่อออกนอกเคหสถาน