พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ร่วมประชุมแก้ไขปัญหามลพิษฝุ่นละออง PM 2.5 กับนายสุรเชษฐ์ เหล่าพูลสุข รองผู้ว่าการ การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) โดยมีที่ปรึกษา รฟม. ตัวแทนผู้รับเหมาก่อสร้างสายสีส้ม สีชมพู และสีเหลือง ร่วมประชุมด้วย
รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เปิดเผยว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับการลดฝุ่นละออง PM 2.5 โดยมอบหมายให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นหน่วยงานหลักในการขับเคลื่อนอีกส่วนหนึ่ง ซึ่งทางตำรวจมีการบังคับใช้กฎหมายมาอย่างต่อเนื่อง มีการตรวจให้บริการกับประชาชน และเล็งเห็นว่าการขจัดมลพิษ PM 2.5 ต้องดำเนินการหลายเรื่องด้วยกัน ซึ่งการกำจัดฝุ่นละอองบริเวณพื้นที่ที่มีการก่อสร้างสถานีรถไฟฟ้าตามเส้นทางต่างๆ ในกรุงเทพมหานคร ก็เป็นเรื่องหลักที่มีส่วนสำคัญในการช่วยกันป้องกันได้ จึงมาขอความร่วมมือกับ รองผู้ว่าการ รฟม. และผู้ที่ทำการก่อสร้างทั้งหมด โดยได้เชิญผู้รับเหมาก่อสร้างทุกเส้นทางมาประชุมหารือ เพื่อกำหนดมาตรการในการป้องกันฝุ่นละออง PM 2.5
พล.ต.ต.จิรสันต์ กล่าวว่า จากหารือร่วมกันได้มีการกำหนดมาตรการไว้ค่อนข้างรัดกุมแล้ว ทั้งนี้ ได้ขอความร่วมให้ผู้รับเหมาก่อสร้างทุกคน เมื่อปฏิบัติงานให้กำชับผู้ปฏิบัติและควบคุมงานอย่างใกล้ชิด
วันเดียวกัน รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล พร้อมด้วย พล.ต.ต.คมศักดิ์ สุมังเกษตร ผู้บังคับการตำรวจจราจร พล.ต.ต.สัมฤทธิ์ ตงเต๊า ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 8 ได้สนธิกำลังกับเจ้าหน้าที่ บก.จร. กรมควบคุมมลพิษ กรมเจ้าท่า และสำนักงานเขตราษฎร์บูรณะ นำเครื่องมือตรวจวัดค่าควันดำลงพื้นที่ทำการตรวจสอบรถยนต์และรถยนต์กระบะที่ใช้ในราชการตำรวจสังกัดกองบังคับการตำรวจนครบาล 8 (บก.น.8) รวมถึงตรวจวัดค่าควันดำเรือหางยาวและเรือโดยสารที่ให้บริการตามเส้นทางแม่น้ำเจ้าพระยา เพื่อกวดขันมาตรการลดค่าฝุ่นพิษ PM 2.5 ตามนโยบายเร่งด่วนที่รัฐบาลและผู้บังคับบัญชาได้สั่งการเอาไว้
รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เปิดเผยว่า วันนี้เป็นครั้งแรกของกองบัญชาการตำรวจนครบาล ที่มีการนำร่องตรวจเรือโดยสารที่ให้บริการในแม่น้ำเจ้าพระยา ตลอดจนมีการนำร่องการตรวจพิสูจน์มลพิษจากควันท่อไอเสียรถยนต์หลวงที่ใช้ในราชการตำรวจ ซึ่งมาตรการดังกล่าวเป็นนโยบายเร่งด่วนเพื่อลดฝุ่นพิษ PM 2.5 โดยเฉพาะพื้นที่กรุงเทพมหานคร มีค่า PM 2.5 สูงจนอาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อร่างกายมาตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2562 ซึ่งผลการตรวจวันนี้เป็นที่น่าพอใจ โดยรถยนต์ของทางราชการนั้นไม่มีคันใดที่มีค่าควันดำเกินมาตรฐาน หรือค่าทึบแสงเกินร้อยละ 45 จะมีบางคันเท่านั้นที่มีค่าทึบแสงอยู่ที่ประมาณร้อยละ 30-35 ซึ่งแม้จะไม่เกินมาตรฐานและไม่ผิดกฎหมาย แต่ก็ต้องกวดขันให้ผู้บังคับบัญชาแต่ละโรงพักนำรถยนต์คันดังกล่าวไปบำรุงรักษาซ่อมแซมให้ค่าทึบแสงลดลงกว่านี้ เนื่องจากเริ่มส่งผลกระทบต่อสภาพอากาศ หลังจากนี้จะนำเจ้าหน้าที่ บก.จร.ไปลงพื้นที่กวดขันตรวจสอบค่าควันดำของรถราชการอย่างต่อเนื่องเพื่อให้เป็นแบบอย่างที่ดีให้แก่ประชาชน
สำหรับการสนธิกำลังกับกรมควบคุมมลพิษ และกรมเจ้าท่า ร่วมกันตรวจวัดควันดำเรือโดยสารในวันนี้ เนื่องจากเล็งเห็นว่าเรือโดยสารตามแม่น้ำต่างๆ ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ล้วนแต่เป็นสาเหตุหนึ่งที่อาจก่อให้เกิดมลพิษทางอากาศได้ ดังนั้นจึงนำเครื่องตรวจวัดค่าควันดำมาทำการตรวจสอบเครื่องยนต์เรือด้วยเช่นกัน โดยข้อกำหนดของเครื่องยนต์เรือโดยสารนั้นจะแตกต่างกับรถยนต์ คือ ผลการตรวจต้องมีค่าทึบแสงไม่เกินร้อยละ 25 ซึ่งในวันนี้ยังไม่พบเรือโดยสารที่มีค่าทึบแสงสูงถึงขนาดนั้น อย่างไรก็ตาม ได้ประสานให้กรมเจ้าท่าตรวจสอบเรือโดยสารตามพื้นที่ต่างๆ ให้ถี่ขึ้น ซึ่งกรมควบคุมมลพิษก็จะสนับสนุนเครื่องมือตรวจวัดและเจ้าหน้าที่มาช่วยกันอีกทางหนึ่ง