นางเสาวณีย์ ไทยรุ่งโรจน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวถึงผลสำรวจสรุป 10 อันดับธุรกิจรุ่งและร่วง ปี 2563 จากปัจจัยภาวะเศรษฐกิจปี 2562 คาดว่าจีดีพีขยายตัวร้อยละ 2.5 ส่งออกหดตัวร้อยละ 5.1 รวมถึงปัจจัยด้านอื่นๆ โดยเฉพาะความผันผวนของภาวะเศรษฐกิจโลก ความไม่แน่นอนการทำสงครามการค้าสหรัฐฯ กับจีน ทำให้เศรษฐกิจโดยรวมปี 2562 ไม่ดีเท่าที่ควร แต่จากการประเมินปัจจัยสนับสนุนและบั่นทอนธุรกิจปี 2563 ได้แก่ ความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะความเสี่ยงสงครามการค้าสหรัฐฯ และจีน Brexit มองว่าเศรษฐกิจจีนจะมีโอกาสเติบโตต่ำกว่าร้อยละ 6 ขณะที่ความผันผวนอัตราแลกเปลี่ยนคาดว่าจะแข็งค่าเฉลี่ย 29.75-30.50 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ และความไม่แน่นอนทางการเมือง ส่งผลต่อความเชื่อมั่นการลงทุนของต่างชาติ และปัญหาหนี้เสียของสถาบันการเงินที่เพิ่มความเข้มงวดปล่อยสินเชื่อ รวมถึงต้นทุนการดำเนินธุรกิจสูงขึ้นที่มาจากค่าจ้างขั้นต่ำ ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง
ทำให้คาดการณ์ว่า 10 อันดับธุรกิจร่วงปี 2563 ประกอบด้วย 1. ธุรกิจเช่าหนังสือ 2. ธุรกิจผลิตโทรศัพท์พื้นฐานและเครื่องโทรสาร 3. ธุรกิจร้านให้บริการอินเทอร์เน็ต 4. ธุรกิจสื่อสิ่งพิมพ์และวารสาร 5. ธุรกิจผลิตเสื้อผ้าสำเร็จรูปที่ใช้แรงงานเยอะและขายในประเทศ / ธุรกิจหัตถกรรมและเฟอร์นิเจอร์ไม้ (ดั้งเดิมที่ไม่ได้มีการปรับตัว) 6. ธุรกิจการค้าแบบดั้งเดิม 7. ธุรกิจคนกลาง 8. ธุรกิจจำหน่ายอุปกรณ์ความจำ Storage media (CDs, DVDs, Blu-Ray Discs 8/ ธุรกิจอินเทอร์เน็ตประเภทฮาร์ดดิสไดร์ฟ (External Hard Drives, Memory Cards) 9.ธุรกิจดั้งเดิมไม่มีการดีไซน์และใช้แรงงานมาก เช่น เฟอร์นิเจอร์ ของเล่น 10. ธุรกิจสถานศึกษาเอกชน / ธุรกิจร้านถ่ายรูป
โดยธุรกิจร่วงเหล่านี้ผู้ดำเนินธุรกิจอยู่แล้วต้องเร่งปรับตัวให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของโลกยุคปัจจุบัน
ส่วน 10 อันดับธุรกิจดาวรุ่งปี 2563 ประกอบด้วย 1. ธุรกิจแพลตฟอร์ม (ธุรกิจตัวกลางหรือตลาดกลางทางด้านอิเล็กทรอนิกส์ 2. ธุรกิจ e-commerce (ธุรกิจที่ทำการซื้อขายผ่านอิเล็กทรอนิกส์) / ธุรกิจเทคโนโลยี และเทคโนโลยีสารสนเทศ และอุปกรณ์ รวมทั้งผู้ให้บริการโครงข่าย 3. ธุรกิจเกม ธุรกิจพัฒนาแอปพลิเคชัน 4. ธุรกิจขนส่งลอจิสติกส์ 5. ธุรกิจประกันภัย ประกันชีวิต / ธุรกิจบริการทางการแพทย์และความงาม 6. ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม / ธุรกิจบน Street food 7. ธุรกิจเกี่ยวกับผู้สูงอายุ 8. ธุรกิจด้าน fintech และการชำระเงินผ่านระบบเทคโนโลยี / ธุรกิจพลังงาน 9. ธุรกิจก่อสร้างและโครงสร้างพื้นฐาน / ธุรกิจที่ปรึกษาด้านกฎหมาย-บัญชี 10. ธุรกิจความเชื่อ / ธุรกิจเกี่ยวกับทางด้านท่องเที่ยว ธุรกิจ Hostel modern tourism และ Lifestyle tourism / ธุรกิจเครื่องสำอางและครีมบำรุงผิว
ทั้งนี้ ปัจจัยสนับสนุนด้านส่งเสริมธุรกิจ ได้แก่ ภาพรวมภาวะเศรษฐกิจปี 2563 จีดีพีประเทศขยายตัวร้อยละ 2.4-3.1 ส่งออกขยายตัวร้อยละ 1.8-3.4 เงินเฟ้อเฉลี่ยร้อยละ 1.2 สิ่งสำคัญปี 2563 แม้จะมีปัจจัยเสี่ยงในภาวะภาพรวมเศรษฐกิจโลก แต่ไทยยังเป็นประเทศน่าสนใจด้านกาลงทุนและการท่องเที่ยว โดยคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาไม่ต่ำกว่า 41-42 ล้านคน รวมถึงภาครัฐต้องเร่งเบิกจ่ายงบประมาณ เพื่อสนับสนุนโครงการต่างๆ ให้เกิดเป็นรูปธรรม ซึ่งการลงทุนภาครัฐจะเป็นตัวเร่งกระตุ้นภาพรวมเศรษฐกิจให้ดีขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา รวมถึงการลงทุนภาคเอกชนที่เริ่มมีสัญญาณดีขึ้น โดยเฉพาะในพื้นที่อีอีซี เป็นต้น ธนาคารกลางทั่วโลกจะผ่อนคลายนโยบายการเงิน เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะกระตุ้นให้การลงทุนปี 2563 เป็นไปตามเป้าหมายวางไว้
ทางด้านนายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า ทางศูนย์ฯ มองว่าเศรษฐกิจปีหน้าอยู่ในอาการฟื้นตัว มีปัจจัยหลักจีนกับสหรัฐฯ ได้ข้อตกลงร่วมกันอย่างเป็นรูปธรรม และทางออก Brexit ทำให้ภาพรวมเศรษฐกิจโลกดีขึ้น รวมถึงเศรษฐกิจไทยจะได้รับอานิสงส์ ดังนั้น จึงคาดว่าเศรษฐกิจไทยปี 2563 กำลังฟื้นตัวขึ้นและส่งผลให้ดอกเบี้ยไม่ได้เพิ่มขึ้นไปมาก แม้จะมีปัจจัยทางการเมืองที่หลายฝ่ายมองว่าอาจะมีปัญหาการชุมนุมนอกสภา แต่เชื่อว่าจะอยู่ภายใต้กฎหมาย แม้ว่าจะมีการเรียกร้องให้ปรับคณะรัฐมนตรีอย่างต่อเนื่อง แต่จะปรับหรือไม่ปรับ นักการเมืองทุกคนต้องดำเนินการตามยุทธศาสตร์อยู่แล้ว ซึ่งเห็นได้ชัดเศรษฐกิจปีหน้าเติบโตร้อยละ 3.1 ได้อย่างแน่นอน