นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เปิดเผยว่า ตามที่ปรากฎเป็นการทั่วไปว่า น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ ได้ครอบครองทำประโยชน์ในที่ดิน ส.ป.ก. และป่าสงวนแห่งชาติ จ.ราชบุรี กว่า 1.7 พันไร่ โดยที่อาจจะขาดคุณสมบัติของการมีสิทธิครอบครองและทำประโยชน์ในที่ดิน ส.ป.ก. ตามที่กฎหมายบัญญัตินั้น ที่ดินดังกล่าวอธิบดีกรมป่าไม้ได้ออกมายืนยันต่อสาธารณะแล้วว่า เดิมเคยอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าฝั่งซ้ายแม่น้ำภาชี พ.ศ.2527 โดยกรมป่าไม้ได้ส่งมอบให้ ส.ป.ก.นำไปจัดสรรให้เกษตรกรผู้ยากไร้ได้เข้าทำประโยชน์โดยประกาศเป็นเขตปฏิรูปที่ดินเมื่อปี พ.ศ.2554 แล้ว โดยกรณีดังกล่าววัตถุประสงค์กฎหมาย ส.ป.ก. มีความชัดเจนว่าผู้ที่มีสิทธิที่จะครอบครองและทำประโยชน์ได้นั้น ข้อพิจารณาเรื่องแรกของการให้ที่ ส.ป.ก. คือ ต้องเป็นผู้ไร้ที่อยู่อาศัย ไร้ที่ทำกิน และต้องใช้เวลาส่วนใหญ่ทำการเกษตร ซึ่ง ส.ส.ปารีณา น่าจะขาดคุณสมบัติมาตั้งแต่ปี 2548 เนื่องจากเริ่มดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของจังหวัดราชบุรีตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา และมีการครอบครองที่ดินมีมากเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดด้วย
อีกทั้งตาม พ.ร.ฎ.กำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการเป็นเกษตรกร พ.ศ.2535 และมติคณะกรรมการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ครั้งที่ 1/2555 เมื่อวันที่ 11 พ.ค. 2555 ได้กำหนดอัตรารายได้ของผู้ยากจนไว้ คือ ผู้ที่มีรายได้ต่ำกว่า 3 หมื่นบาทต่อคนต่อปี
ดังนั้น ส.ส.ปารีณา ย่อมรู้ว่าตนเองเป็นผู้ที่ขาดคุณสมบัติของการได้สิทธิในการครอบครองและทำประโยชน์ในที่ดิน ส.ป.ก.ดังกล่าวมาตั้งแต่ต้น แต่กลับไม่ยอมสละที่ดินดังกล่าวคืน ส.ป.ก.เพื่อนำไปจัดสรรให้กับผู้ยากไร้ตามเจตนารมณ์ของกฎหมาย ซึ่งเท่ากับว่ามีเจตนาที่จะฝ่าฝืนกฎหมายอันเข้าข่ายฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรมฯ 2561 อย่างร้ายแรงในข้อ 7 ข้อ 8 และข้อ 9 และยังเข้าข่ายการฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมอันเป็นค่านิยมหลักในข้อ 11 ข้อ 12 ข้อ 17 และฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมทั่วไปในข้อ 21 ตามที่รัฐธรรมนูญ 2560 ม.219 บัญญัติอีกด้วย
ด้วยเหตุดังกล่าว สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย จึงจะนำความไปร้องเรียนต่อ ป.ป.ช. เพื่อดำเนินการไต่สวน สอบสวน เพื่อดำเนินการเอาผิดหรือลงโทษ ส.ส.ปารีณา ตามที่กฎหมายกำหนดต่อไป โดยจะเดินทางไปยื่นคำร้องในวันพุธที่ 20 พ.ย.2562 เวลา 10.00 น. ณ สำนักงาน ป.ป.ช. ถ.สนามบินน้ำ นนทบุรี