นายรักษเกชา แฉ่ฉาย เลขาธิการสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน กล่าวว่า ที่ประชุมผู้ตรวจการแผ่นดิน เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา มีมติรับคำร้องที่นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ ที่ขอให้ผู้ตรวจการแผ่นดินพิจารณาและเสนอเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า พ.ร.บ.คำสั่งเรียกของคณะกรรมาธิการสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา พ.ศ. 2554 มาตรา 5 มาตรา 8 และมาตรา 13 ที่ให้อำนาจคณะกรรมาธิการสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภามีอำนาจออกคำสั่งเรียกเอกสารจากบุคคล หรือเรียกบุคคลใดมาชี้แจงข้อเท็จจริงต่อคณะกรรมาธิการ ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 129 ไว้พิจารณา และมีคำสั่งให้ฝ่ายกฎหมายของสำนักงานทำการศึกษาประเด็นข้อกฎหมายต่างๆ โดยเร็ว และให้มีการเสนอเรื่องต่อที่ประชุมผู้ตรวจการแผ่นดินพิจารณาในวันพรุ่งนี้ (15 พ.ย.) เวลา 13.00 น.
ส่วนกรณีที่ผู้ตรวจฯ รับคำร้องไว้พิจารณาแล้ว คณะกรรมาธิการ ป.ป.ช.ของสภาผู้แทนราษฎร ที่มีมติเรียกนายกรัฐมนตรีมาชี้แจงประเด็นถวายสัตย์ไม่ครบถ้วนในวันที่ 20 พฤศจิกายน ต้องระงับไว้ก่อนหรือไม่นั้น เลขาธิการผู้ตรวจการแผ่นดิน กล่าวว่า มติของผู้ตรวจการแผ่นดินไม่ได้มีผลผูกพันทุกองค์กร ซึ่งองค์กรที่มีหน้าที่จะชี้ว่า พ.ร.บ.ฉบับนี้ขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่ คือศาลรัฐธรรมนูญ ดังนั้นจึงเป็นดุลพินิจของคณะกรรมาธิการฯ ว่าจะเห็นอย่างไร
นายรักษเกชา กล่าวว่า ที่ผู้ตรวจการแผ่นดินมีมติรับคำร้องดังกล่าวไว้พิจารณาและให้สำนักงานเร่งศึกษาข้อกฎหมายต่างๆ และเสนอต่อที่ประชุมผู้ตรวจการแผ่นดินในวันพรุ่งนี้ เพราะเห็นว่าเรื่องดังกล่าวกำลังเป็นประเด็นที่มีการโต้แย้งกันอยู่ รวมทั้งสังคมให้ความสนใจ ดังนั้นในการประชุมวันพรุ่งนี้น่าจะทราบว่าผู้ตรวจฯ จะมีมติอย่างไร