สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต เปิดเผยผลสำรวจประชาชนจากทั่วประเทศ จำนวน 1,168 คน เรื่อง "คดีใหญ่ในสายตาประชาชน" จากกรณีที่ช่วงนี้มีเหตุการณ์ร้ายแรงและคดีใหญ่ ๆ ให้ติดตามข่าวหลายเรื่อง เช่น คาร์บอมบ์ ยาเสพติด การปล้น ฆ่า คนสูญหาย และคดีอุกฉกรรจ์ ทั้งที่อยู่ในช่วงการบริหารประเทศโดยรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ซึ่งมีอำนาจ คสช. อยู่
ทั้งนี้ จากผลการสำรวจพบว่าประชาชนส่วนใหญ่ หรือร้อยละ 47.35 คิดว่าคดีใหญ่ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในช่วงรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ มีมากขึ้น ขณะที่ร้อยละ 8.48 คิดว่าน้อยลง และร้อยละ 44.17 คิดว่าเหมือนเดิม
ขณะเดียวกัน ประชาชนร้อยละ 52.77 มองว่าคดีต่าง ๆ เหล่านี้สามารถจัดการเพื่อให้เกิดความสงบและความมั่นคงได้ โดยการใช้มาตรา 44 ขณะที่ร้อยละ 47.23 มองว่าสามารถใช้กฎหมายธรรมดาจัดการได้
สำหรับแนวทางในการป้องกันปัญหาคดีความมั่นคง เช่น การก่อการร้าย และคาร์บอมบ์ ประชาชนร้อยละ 67.89 เห็นว่ารัฐบาลต้องดำเนินการอย่างจริงจัง เจรจา พูดคุย และเสริมสร้างความสามัคคี ร้อยละ 66.35 เห็นว่าควรเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัย เฝ้าระวัง ขณะที่หน่วยข่าวกรองต้องแม่นยำ และร้อยละ 49.40 ระบุ ประชาชนในพื้นที่ต้องช่วยกันเป็นหูเป็นตา และระมัดระวังตนเอง
ส่วนคดีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน เช่น การปล้น คนสูญหาย ประชาชนร้อยละ 68.58 ระบุว่าแนวทางในการป้องควรพัฒนาเศรษฐกิจ และคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ ร้อยละ 63.36 ระบุ ควรติดกล้องวงจรปิดที่ใช้งานได้จริงตามจุดต่าง ๆ ให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ และร้อยละ 62.84 ระบุ สื่อควรนำเสนอข่าวอย่างระมัดระวัง และป้องกันการลอกเลียนแบบ
นอกจากนี้ แนวทางในการป้องกันปัญหาคดีอุกฉกรรจ์ เช่น ฆาตกรรมโหด ฆ่าเผาทำลายศพ อุ้มฆ่า ยาเสพติด ประชาชนร้อยละ 70.46 เห็นว่ารัฐบาลควรปราบปรามอย่างจริงจัง ลงโทษรุนแรง หรือประหารชีวิต ร้อยละ 66.95 เห็นว่าควรสร้างงาน สร้างอาชีพ และลดความเหลื่อมล้ำ ขณะที่ร้อยละ 64.30 ระบุว่า ครอบครัวควรให้ความรักความอบอุ่น ปลูกฝังคุณธรรมจริยธรรม
ทั้งนี้ จากผลการสำรวจพบว่าประชาชนส่วนใหญ่ หรือร้อยละ 47.35 คิดว่าคดีใหญ่ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในช่วงรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ มีมากขึ้น ขณะที่ร้อยละ 8.48 คิดว่าน้อยลง และร้อยละ 44.17 คิดว่าเหมือนเดิม
ขณะเดียวกัน ประชาชนร้อยละ 52.77 มองว่าคดีต่าง ๆ เหล่านี้สามารถจัดการเพื่อให้เกิดความสงบและความมั่นคงได้ โดยการใช้มาตรา 44 ขณะที่ร้อยละ 47.23 มองว่าสามารถใช้กฎหมายธรรมดาจัดการได้
สำหรับแนวทางในการป้องกันปัญหาคดีความมั่นคง เช่น การก่อการร้าย และคาร์บอมบ์ ประชาชนร้อยละ 67.89 เห็นว่ารัฐบาลต้องดำเนินการอย่างจริงจัง เจรจา พูดคุย และเสริมสร้างความสามัคคี ร้อยละ 66.35 เห็นว่าควรเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัย เฝ้าระวัง ขณะที่หน่วยข่าวกรองต้องแม่นยำ และร้อยละ 49.40 ระบุ ประชาชนในพื้นที่ต้องช่วยกันเป็นหูเป็นตา และระมัดระวังตนเอง
ส่วนคดีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน เช่น การปล้น คนสูญหาย ประชาชนร้อยละ 68.58 ระบุว่าแนวทางในการป้องควรพัฒนาเศรษฐกิจ และคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ ร้อยละ 63.36 ระบุ ควรติดกล้องวงจรปิดที่ใช้งานได้จริงตามจุดต่าง ๆ ให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ และร้อยละ 62.84 ระบุ สื่อควรนำเสนอข่าวอย่างระมัดระวัง และป้องกันการลอกเลียนแบบ
นอกจากนี้ แนวทางในการป้องกันปัญหาคดีอุกฉกรรจ์ เช่น ฆาตกรรมโหด ฆ่าเผาทำลายศพ อุ้มฆ่า ยาเสพติด ประชาชนร้อยละ 70.46 เห็นว่ารัฐบาลควรปราบปรามอย่างจริงจัง ลงโทษรุนแรง หรือประหารชีวิต ร้อยละ 66.95 เห็นว่าควรสร้างงาน สร้างอาชีพ และลดความเหลื่อมล้ำ ขณะที่ร้อยละ 64.30 ระบุว่า ครอบครัวควรให้ความรักความอบอุ่น ปลูกฝังคุณธรรมจริยธรรม
