พ.ต.ท.พเยาว์ ทองเสน ผู้บัญชาการสำนักคดีอาญาพิเศษ 1 กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พร้อมด้วย พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผู้อำนวยการศูนย์บริหารคดีพิเศษ และรองโฆษก ดีเอสไอ ร่วมกันแถลงผลการจับกุม นายภูดิศ กิตติธราดิลก อายุ 34 ปี ผู้ต้องหาคดีฉ้อโกงประชาชน กรณีที่นายภูดิศได้เปิดบริษัท เดอะ ซิสเต็ม ปลั๊ก แอนด์ เพลย์ จำกัด และบริษัท อินโนวิชั่น โฮลดิ้ง จำกัด หลอกลวงให้ประชาชนมาร่วมลงทุนซื้อแพ็คเกจ คอร์ส สัมมนา มีผู้เสียหายกว่า 4,000 คน มูลค่ากว่า 2,000 ล้านบาท
พ.ต.ท.พเยาว์ ทองเสน ผู้บัญชาการสำนักคดีอาญาพิเศษ 1 กล่าวว่า ดีเอสไอ ได้รับเรื่องร้องเรียนจากประชาชนผู้เสียหายจำนวนมากว่าถูกหลอกลวงโดยการโฆษณาชวนเชื่อ ผ่านสื่อมีเดียต่าง ๆ ให้ร่วมลงทุนซื้อแพ็คเกจสัมมนาหลักสูตรทางการเงินกับบริษัท เดอะ ซิสเต็มฯ และบริษัท อินโนวิชั่นฯ ที่มีนายภูดิศ เป็นกรรมการผู้มีอำนาจ ซึ่งอ้างว่าจะนำเงินทุนของผู้เสียหายไปลงทุนในตลาดการซื้อขายเงินตราโดยตกลงจะจ่ายผลตอบแทนการลงทุนในอัตรา ร้อยละ 7 ต่อสัปดาห์ ในเวลา 1 ปี
จากการสอบสวนระหว่างเดือน สิงหาคม 2558 – กันยายน 2559 บริษัทดังกล่าว ได้ชวนผู้เสียหายร่วมลงทุนใน 5 แพ็คเกจ และโฆษณาชวนเชื่ออีกว่า หากผู้ลงทุนคนใดสามารถแนะนำบุคคลอื่นให้มาร่วมลงทุนด้วย จะได้รับเงินตอบแทนค่าแนะนำตามลำดับชั้น ซึ่งมีทั้งหมด 20 ชั้น ปรากฏว่า มีผู้เสียหายกว่า 4,000 คน หลงเชื่อและร่วมโอนเงินร่วมลงทุน ซึ่งในช่วงแรกผู้เสียหายได้รับผลตอบแทนตามที่กำหนด แต่ภายหลังผู้เสียหายไม่ได้รับผลตอบแทน กลุ่มผู้เสียหายจึงรวมตัวเดินทางไปที่ 2 บริษัทเช่าอยู่ที่อาคารฟอรั่ม ทาวเวอร์ ถ.รัชดาภิเษก แขวงและเขตห้วยขวาง กทม. และพบว่าปิดกิจการไปแล้ว ซึ่งนายภูดิศหลบหนีไป ทำให้ผู้เสียหายได้รับความเสียหายกว่า 2,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ มีผู้เสียหายบางส่วนได้ร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สน.ห้วยขวาง และทาง สน.ห้วยขวาง ได้รวบรวมพยานหลักฐานและขอหมายศาล ซึ่งสามารถจับกุมตัวนายภูดิศได้ที่สนามบินดอนเมือง เมื่อวันที่ 8 สิงหาคมที่ผ่านมา ขณะที่นายภูดิศกำลังเดินทางกลับมาจากต่างประเทศ ตามหมายจับของ สน.ห้วยขวาง และเมื่อวันที่ 21 กรกฎาคมที่ผ่านมา พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบ ดีดีเอสไอ จึงได้อนุมัติรับกรณีดังกล่าวไว้สอบสวนเป็นคดีพิเศษ ดังนั้น ดีเอสไอ จะประสานงานกับ สน.ห้วยขวาง เพื่อรับโอนสำนวนมาสอบสวนต่อไป
พ.ต.ท.พเยาว์ ทองเสน ผู้บัญชาการสำนักคดีอาญาพิเศษ 1 กล่าวว่า ดีเอสไอ ได้รับเรื่องร้องเรียนจากประชาชนผู้เสียหายจำนวนมากว่าถูกหลอกลวงโดยการโฆษณาชวนเชื่อ ผ่านสื่อมีเดียต่าง ๆ ให้ร่วมลงทุนซื้อแพ็คเกจสัมมนาหลักสูตรทางการเงินกับบริษัท เดอะ ซิสเต็มฯ และบริษัท อินโนวิชั่นฯ ที่มีนายภูดิศ เป็นกรรมการผู้มีอำนาจ ซึ่งอ้างว่าจะนำเงินทุนของผู้เสียหายไปลงทุนในตลาดการซื้อขายเงินตราโดยตกลงจะจ่ายผลตอบแทนการลงทุนในอัตรา ร้อยละ 7 ต่อสัปดาห์ ในเวลา 1 ปี
จากการสอบสวนระหว่างเดือน สิงหาคม 2558 – กันยายน 2559 บริษัทดังกล่าว ได้ชวนผู้เสียหายร่วมลงทุนใน 5 แพ็คเกจ และโฆษณาชวนเชื่ออีกว่า หากผู้ลงทุนคนใดสามารถแนะนำบุคคลอื่นให้มาร่วมลงทุนด้วย จะได้รับเงินตอบแทนค่าแนะนำตามลำดับชั้น ซึ่งมีทั้งหมด 20 ชั้น ปรากฏว่า มีผู้เสียหายกว่า 4,000 คน หลงเชื่อและร่วมโอนเงินร่วมลงทุน ซึ่งในช่วงแรกผู้เสียหายได้รับผลตอบแทนตามที่กำหนด แต่ภายหลังผู้เสียหายไม่ได้รับผลตอบแทน กลุ่มผู้เสียหายจึงรวมตัวเดินทางไปที่ 2 บริษัทเช่าอยู่ที่อาคารฟอรั่ม ทาวเวอร์ ถ.รัชดาภิเษก แขวงและเขตห้วยขวาง กทม. และพบว่าปิดกิจการไปแล้ว ซึ่งนายภูดิศหลบหนีไป ทำให้ผู้เสียหายได้รับความเสียหายกว่า 2,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ มีผู้เสียหายบางส่วนได้ร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สน.ห้วยขวาง และทาง สน.ห้วยขวาง ได้รวบรวมพยานหลักฐานและขอหมายศาล ซึ่งสามารถจับกุมตัวนายภูดิศได้ที่สนามบินดอนเมือง เมื่อวันที่ 8 สิงหาคมที่ผ่านมา ขณะที่นายภูดิศกำลังเดินทางกลับมาจากต่างประเทศ ตามหมายจับของ สน.ห้วยขวาง และเมื่อวันที่ 21 กรกฎาคมที่ผ่านมา พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบ ดีดีเอสไอ จึงได้อนุมัติรับกรณีดังกล่าวไว้สอบสวนเป็นคดีพิเศษ ดังนั้น ดีเอสไอ จะประสานงานกับ สน.ห้วยขวาง เพื่อรับโอนสำนวนมาสอบสวนต่อไป
