กองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือ ไอเอ็มเอฟ ประกาศว่า เศรษฐกิจของอังกฤษและสหรัฐฯ ในปี 2017 เติบโตช้ากว่าที่คาดไว้ โดยในช่วง 3 เดือนแรกของปี 2560 เศรษฐกิจของอังกฤษเติบโตเพียงร้อยละ 0.2 จึงคาดว่า ปีนี้ เศรษฐกิจจะโตเพียงร้อยละ 1.7 จากที่คาดการณ์ไว้ว่าน่าจะเติบโตร้อยละ 2 โดยโฆษกกระทรวงการคลังของอังกฤษระบุว่า การคาดการณ์ของไอเอ็มเอฟ ตอกย้ำว่า รัฐบาลจำเป็นต้องวางแผนเพิ่มศักยภาพการผลิต และต้องเจรจาการออกจากสหภาพยุโรปให้ได้ประโยชน์สูงสุด
ขณะที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ จะเติบโตร้อยละ 2.1 จากที่คาดไว้ที่ร้อยละ 2.3 เนื่องจากมีการคาดการณ์ว่า นโยบายการตัดลดภาษีและการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานของรัฐบาลนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้ดี แต่ผลกลับออกมาผิดคาด โดยยังไม่มีการออกมาตรการใดๆ เกี่ยวกับ 2 ประเด็นนี้อย่างเป็นรูปธรรม
อย่างไรก็ตาม การลดระดับการเติบโตทางเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศจะไม่กระทบเป้าหมายการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของโลกที่ตั้งไว้ที่ร้อยละ 3.5 ในปี 2017 และ 3.6 ในปี 2018 เนื่องจากเศรษฐกิจของประเทศในกลุ่มยูโรโซนอย่างฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี และสเปนเติบโตขึ้นจากที่คาดไว้ในตอนแรก ประเทศเหล่านี้จึงยกระดับการคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจโลกขึ้นมาได้
ขณะที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ จะเติบโตร้อยละ 2.1 จากที่คาดไว้ที่ร้อยละ 2.3 เนื่องจากมีการคาดการณ์ว่า นโยบายการตัดลดภาษีและการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานของรัฐบาลนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้ดี แต่ผลกลับออกมาผิดคาด โดยยังไม่มีการออกมาตรการใดๆ เกี่ยวกับ 2 ประเด็นนี้อย่างเป็นรูปธรรม
อย่างไรก็ตาม การลดระดับการเติบโตทางเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศจะไม่กระทบเป้าหมายการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของโลกที่ตั้งไว้ที่ร้อยละ 3.5 ในปี 2017 และ 3.6 ในปี 2018 เนื่องจากเศรษฐกิจของประเทศในกลุ่มยูโรโซนอย่างฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี และสเปนเติบโตขึ้นจากที่คาดไว้ในตอนแรก ประเทศเหล่านี้จึงยกระดับการคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจโลกขึ้นมาได้
