พล.ต.ท.ณัฐธร เพราะสุนทร ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง หรือ สตม. แถลงจับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โทรข้ามประเทศ หลอกเหยื่อโอนเงิน กว่า 1,000 คน มูลค่าความเสียหายกว่า 100 ล้านบาท
ว่า คดีนี้เป็นการประสานความร่วมมือกับฝ่ายกิจการตำรวจ สถานเอกอัครราชทูต สาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย โดยเจ้าหน้าที่คุมตัวสมาชิกแก๊งดังกล่าวได้จำนวน 44 คน เป็นชาวจีน 19 คน ไต้หวัน 25 คน ในบ้านเช่าที่ทำเป็นฐานคอลเซ็นเตอร์หลายจุดทั้งกรุงเทพ ปริมณฑล พัทยา พบของกลางเป็นโทรศัพท์มือถือ โน๊ตบุ๊ก สคลิปบทพูดเพื่อหลอกเหยื่อ และอุปกรณ์ปฏิบัติการ
พล.ต.ท.ณัฐธร ระบุว่า เครือข่ายดังกล่าว เป็นองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ มีสมาชิกกว่า 100 คน เชื่อมโยงกว่า 6 ประเทศ โดยมีพฤติการณ์ใช้โทรศัพท์ข้ามประเทศผ่านระบบการสื่อสารผ่านอินเทอร์เน็ต หลอกลวงเหยื่อข้ามประเทศ โดยอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ธนาคาร หลอกเหยื่อว่าพัวพันกับอาชญากรรมร้ายแรง และกำลังจะถูกอายัดบัญชีเพื่อตรวจสอบ พร้อมให้เหยื่อติดต่อกลับไปที่บุคคลที่อ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน สำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด และตำรวจ ซึ่งเป็นสมาชิกร่วมแก๊ง หลังจากนั้นจะให้เหยื่อไปทำรายการที่ตู้เอทีเอ็ม ซึ่งผู้เสียหายส่วนใหญ่เป็นชาวจีนสูงอายุ และข้าราชการบำนาญ ที่อยู่ในประเทศจีน รวมทั้งชาวจีนที่อยู่ในประเทศไทย และมีผู้เสียหายบางส่วนเป็นคนไทยด้วย จึงทำให้การตรวจสอบเป็นไปค่อนข้างยาก
ทั้งนี้ ผู้ก่อเหตุได้ใช้วีซ่านักท่องเที่ยวเข้ามาก่อเหตุในประเทศไทยเป็นเวลา 90 วัน หลังจากนั้นจะย้ายถิ่นฐานไปยังประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อก่อเหตุในลักษณะเดียวกัน ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่ามีคนไทยไม่ต่ำกว่า 5 คน ให้การสนับสนุนทั้งการเช่าบ้าน จัดหาอุปกรณ์ต่างๆ และเปิดบัญชีธนาคาร รวมทั้งแจ้งความเคลื่อนไหวตลอดเวลา
อย่างไรก็ตาม สตม. ได้เพิกถอนวีซ่าของขบวนการดังกล่าว และเตรียมแจ้งข้อกล่าวหาที่ก่อเหตุในประเทศไทย ก่อนส่งตัวไปดำเนินคดีที่ประเทศต้นทางต่อไป
ว่า คดีนี้เป็นการประสานความร่วมมือกับฝ่ายกิจการตำรวจ สถานเอกอัครราชทูต สาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย โดยเจ้าหน้าที่คุมตัวสมาชิกแก๊งดังกล่าวได้จำนวน 44 คน เป็นชาวจีน 19 คน ไต้หวัน 25 คน ในบ้านเช่าที่ทำเป็นฐานคอลเซ็นเตอร์หลายจุดทั้งกรุงเทพ ปริมณฑล พัทยา พบของกลางเป็นโทรศัพท์มือถือ โน๊ตบุ๊ก สคลิปบทพูดเพื่อหลอกเหยื่อ และอุปกรณ์ปฏิบัติการ
พล.ต.ท.ณัฐธร ระบุว่า เครือข่ายดังกล่าว เป็นองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ มีสมาชิกกว่า 100 คน เชื่อมโยงกว่า 6 ประเทศ โดยมีพฤติการณ์ใช้โทรศัพท์ข้ามประเทศผ่านระบบการสื่อสารผ่านอินเทอร์เน็ต หลอกลวงเหยื่อข้ามประเทศ โดยอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ธนาคาร หลอกเหยื่อว่าพัวพันกับอาชญากรรมร้ายแรง และกำลังจะถูกอายัดบัญชีเพื่อตรวจสอบ พร้อมให้เหยื่อติดต่อกลับไปที่บุคคลที่อ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน สำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด และตำรวจ ซึ่งเป็นสมาชิกร่วมแก๊ง หลังจากนั้นจะให้เหยื่อไปทำรายการที่ตู้เอทีเอ็ม ซึ่งผู้เสียหายส่วนใหญ่เป็นชาวจีนสูงอายุ และข้าราชการบำนาญ ที่อยู่ในประเทศจีน รวมทั้งชาวจีนที่อยู่ในประเทศไทย และมีผู้เสียหายบางส่วนเป็นคนไทยด้วย จึงทำให้การตรวจสอบเป็นไปค่อนข้างยาก
ทั้งนี้ ผู้ก่อเหตุได้ใช้วีซ่านักท่องเที่ยวเข้ามาก่อเหตุในประเทศไทยเป็นเวลา 90 วัน หลังจากนั้นจะย้ายถิ่นฐานไปยังประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อก่อเหตุในลักษณะเดียวกัน ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่ามีคนไทยไม่ต่ำกว่า 5 คน ให้การสนับสนุนทั้งการเช่าบ้าน จัดหาอุปกรณ์ต่างๆ และเปิดบัญชีธนาคาร รวมทั้งแจ้งความเคลื่อนไหวตลอดเวลา
อย่างไรก็ตาม สตม. ได้เพิกถอนวีซ่าของขบวนการดังกล่าว และเตรียมแจ้งข้อกล่าวหาที่ก่อเหตุในประเทศไทย ก่อนส่งตัวไปดำเนินคดีที่ประเทศต้นทางต่อไป