นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เปิดเผยว่า ตั้งแต่วันที่ 5 – 12 กรกฎาคมที่ผ่านมา เกิดฝนตกหนักต่อเนื่องในหลายพื้นที่ ส่งผลให้เกิดน้ำไหลหลากและน้ำท่วมขังใน 5 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดนครสวรรค์ ลพบุรี ชัยนาท จันทบุรี และพิจิตร รวม 8 อำเภอ 24 ตำบล 72 หมู่บ้าน ปัจจุบันสถานการณ์คลี่คลายแล้ว 4 จังหวัด และยังคงมีสถานการณ์ในจังหวัดพิจิตร เนื่องจากน้ำจากเทือกเขาเพชรบูรณ์ได้ไหลหลากมาทางคลองบอระเพ็ด และเข้าท่วมพื้นที่หมู่ที่ 6 ตำบลห้วยพุก อำเภอดงเจริญ ประชาชนได้รับผลกระทบ 22 ครัวเรือน ประชาชนอพยพมาอาศัยบริเวณริมถนนสายบ้านท่าเรือ – ห้วยพุก 2 ครัวเรือน พร้อมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่อย่างต่อเนื่อง รวมถึงให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยในเบื้องต้นแล้ว
อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบสภาพอากาศกับกรมอุตุนิยมวิทยา พบว่า ในช่วงวันที่ 14 – 17 กรกฎาคมนี้ หย่อมความกดอากาศต่ำที่ปกคลุมบริเวณทะเลจีนใต้จะมีกำลังแรงขึ้น และมีแนวโน้มเคลื่อนตัวเข้าปกคลุมบริเวณอ่าวตังเกี๋ยและประเทศเวียดนามตอนบน ทำให้ประเทศไทยมีฝนตกเพิ่มมากขึ้นและฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่ จึงได้ประสานจังหวัด เตรียมพร้อมรับมือ ป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัยจากภาวะฝนตกหนักและปริมาณฝนสะสมในระยะนี้ พร้อมแจ้งเตือนประชาชนให้ระมัดระวังอันตรายจากภาวะฝนตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลากและดินโคลนถล่ม โดยติดตามพยากรณ์อากาศและประกาศเตือนภัยจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พร้อมปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด
สำหรับประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์ภัยสามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ทางสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง
อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบสภาพอากาศกับกรมอุตุนิยมวิทยา พบว่า ในช่วงวันที่ 14 – 17 กรกฎาคมนี้ หย่อมความกดอากาศต่ำที่ปกคลุมบริเวณทะเลจีนใต้จะมีกำลังแรงขึ้น และมีแนวโน้มเคลื่อนตัวเข้าปกคลุมบริเวณอ่าวตังเกี๋ยและประเทศเวียดนามตอนบน ทำให้ประเทศไทยมีฝนตกเพิ่มมากขึ้นและฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่ จึงได้ประสานจังหวัด เตรียมพร้อมรับมือ ป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัยจากภาวะฝนตกหนักและปริมาณฝนสะสมในระยะนี้ พร้อมแจ้งเตือนประชาชนให้ระมัดระวังอันตรายจากภาวะฝนตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลากและดินโคลนถล่ม โดยติดตามพยากรณ์อากาศและประกาศเตือนภัยจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พร้อมปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด
สำหรับประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์ภัยสามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ทางสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง