ศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัยกรุงเทพ หรือ กรุงเทพโพลล์ เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นประชาชนในพื้นที่กรุงเทพฯ จำนวน 1,193 คน เรื่อง "เงินทอนกับความเลื่อมใสในพุทธศาสนา" พบว่าความเห็นของชาวพุทธต่อกรณีเงินทอนวัด หรือการทุจริตเงินอุดหนุนวัด ส่วนใหญ่ หรือร้อยละ 57.7 เห็นว่าไม่มีผลต่อการทำบุญ และคิดว่าจะบริจาคเหมือนเดิม เพราะทำบุญให้วัด ขณะที่ร้อยละ 42.3 เห็นว่ามีผลต่อการทำบุญ โดยในจำนวนนี้ ร้อยละ 25.0 ทำให้ต้องคิดก่อนตัดสินใจบริจาค รองลงมาร้อยละ 11.3 ทำให้ไม่อยากบริจาคให้แก่กิจกรรมใด ๆ ทางพุทธศาสนา และร้อยละ 6.0 ทำให้ต้องตรวจสอบวัดนั้น ๆ
เมื่อถามต่อว่า กรณีเงินทอนวัดหรือการทุจริตเงินอุดหนุนวัด มีผลมาก/น้อยเพียงใดต่อการทำให้ความศรัทธาหรือเลื่อมใสในพุทธศาสนาลดลง ส่วนใหญ่ร้อยละ 64.7 เห็นว่ามีผลค่อนข้างน้อยถึงน้อยที่สุด ขณะที่ร้อยละ 35.3 เห็นว่ามีผลค่อนข้างมากถึงมากที่สุด
ส่วนความเห็นต่อมาตรการที่ควรใช้เพื่อป้องกันการแสวงหาผลประโยชน์ทางพุทธศาสนา พบว่าส่วนใหญ่ ร้อยละ 51.6 อยากให้มีการตรวจสอบการทุจริตคอร์รัปชันในพุทธศาสนาอย่างจริงจัง รองลงมา ร้อยละ 32.1 อยากให้ออกกฎหมายดูแลควบคุมทรัพย์สินวัดอย่างรัดกุม และร้อยละ 10.3 อยากให้ใช้ ม.44 ในการปฏิรูปพุทธศาสนา
อย่างไรก็ตาม ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 66.1 มีความเชื่อมั่นค่อนข้างน้อยถึงน้อยที่สุด ต่อหน่วยงานที่ดูแลพุทธศาสนาว่าจะทำงานด้วยความโปร่งใส ไม่ทุจริตคอร์รัปชัน ขณะที่ร้อยละ 33.9 มีความเชื่อมั่นค่อนข้างมากถึงมากที่สุด
เมื่อถามต่อว่า กรณีเงินทอนวัดหรือการทุจริตเงินอุดหนุนวัด มีผลมาก/น้อยเพียงใดต่อการทำให้ความศรัทธาหรือเลื่อมใสในพุทธศาสนาลดลง ส่วนใหญ่ร้อยละ 64.7 เห็นว่ามีผลค่อนข้างน้อยถึงน้อยที่สุด ขณะที่ร้อยละ 35.3 เห็นว่ามีผลค่อนข้างมากถึงมากที่สุด
ส่วนความเห็นต่อมาตรการที่ควรใช้เพื่อป้องกันการแสวงหาผลประโยชน์ทางพุทธศาสนา พบว่าส่วนใหญ่ ร้อยละ 51.6 อยากให้มีการตรวจสอบการทุจริตคอร์รัปชันในพุทธศาสนาอย่างจริงจัง รองลงมา ร้อยละ 32.1 อยากให้ออกกฎหมายดูแลควบคุมทรัพย์สินวัดอย่างรัดกุม และร้อยละ 10.3 อยากให้ใช้ ม.44 ในการปฏิรูปพุทธศาสนา
อย่างไรก็ตาม ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 66.1 มีความเชื่อมั่นค่อนข้างน้อยถึงน้อยที่สุด ต่อหน่วยงานที่ดูแลพุทธศาสนาว่าจะทำงานด้วยความโปร่งใส ไม่ทุจริตคอร์รัปชัน ขณะที่ร้อยละ 33.9 มีความเชื่อมั่นค่อนข้างมากถึงมากที่สุด