วันนี้ (30 มิ.ย.) ผู้เสียหายจากการกู้ยืมเงินนอกระบบเข้ายื่นหนังสือร้องเรียนกับนายบัณฑิต สังขนันท์ ผู้อำนวยการส่วนรับเรื่องร้องทุกข์ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) หลังมีการกู้ยืมเงินกับนายทุนเงินกู้นอกระบบ โดยการนำทรัพย์สินค้ำประกัน แต่กลับถูกปลอมแปลงเอกสารเช่นเปลี่ยนจากการขายฝากเป็นขายขาด การปลอมแปลงเอกสาร เป็นผู้มีอำนาจลงนามและทรัพย์สินกลับตกเป็นของผู้ให้กู้ด้วยการฉ้อโกง
นายสุวนิตย์ ศิริสิงหล ผู้ถือหุ้นบริษัทอินเตอร์ โดเมสติคเคอร์เรนซี่จำกัด ระบุว่าได้ขอกู้ยืมเงินกับนายทุนเงินกู้คู่กรณี จำนวน60ล้านบาท โดยนำมูลค่าหุ้นกว่า100ล้านบาท ซึ่งเป็นหลักทรัพย์โรงแรมย่านสุขุมวิท มูลค่ากว่า800ล้านบาท เพื่อค้ำประกันเงินกู้ แต่กลับพบว่าถูกปลอมแปลงเอกสารและใช้เอกสาร ให้นายทุนเงินกู้คู่กรณีเป็นผู้มีอำนาจลงนามในบริษัท
ขณะที่ นางฐิติภา ณ ระนอง ผู้ถือหุ้นบริษัท เค.พี กรุ๊ป 1992 จำกัด ระบุว่าได้กู้ยืมเงินกับรายทุนเงินกู้รายเดียวกับนายสุวนิตย์ จำนวนเงินกว่า 57 ล้านบาท แต่ได้รับเงินจริง 40 ล้านบาท โดยให้มีการขายฝากทรัพย์สินห้องชุดในคอนโดมิเนียม 138 ห้อง มูลค่าเกือบ 200 ล้านบาท แต่กลับถูกปลอมแปลงเอกสารและใช้เอกสารปลอมเป็นการขายขาดห้องชุดมูลค่ากว่า 200 ล้านบาท ในราคาที่ได้เงินมาเพียง 40 ล้านบาทเท่านั้น
ทั้งนี้ ผู้เสียหายเปิดเผยว่า พฤติกรรมของคู่กรณีมีการปล่อยเงินกู้ในอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 24-30 ต่อปี โดยที่ผู้กู้ไม่ทราบมาก่อนทำสัญญา ซึ่งพบว่ามีผู้เสียหายที่ถูกนายทุนเงินกู้คู่กรณีคนเดียวกันฉ้อโกงในลักษณะเดียวกะนไม่ต่ำกว่า 10 ราย มูลค่าความเสียหายกว่า 1 พันล้านบาท
นายสุวนิตย์ ศิริสิงหล ผู้ถือหุ้นบริษัทอินเตอร์ โดเมสติคเคอร์เรนซี่จำกัด ระบุว่าได้ขอกู้ยืมเงินกับนายทุนเงินกู้คู่กรณี จำนวน60ล้านบาท โดยนำมูลค่าหุ้นกว่า100ล้านบาท ซึ่งเป็นหลักทรัพย์โรงแรมย่านสุขุมวิท มูลค่ากว่า800ล้านบาท เพื่อค้ำประกันเงินกู้ แต่กลับพบว่าถูกปลอมแปลงเอกสารและใช้เอกสาร ให้นายทุนเงินกู้คู่กรณีเป็นผู้มีอำนาจลงนามในบริษัท
ขณะที่ นางฐิติภา ณ ระนอง ผู้ถือหุ้นบริษัท เค.พี กรุ๊ป 1992 จำกัด ระบุว่าได้กู้ยืมเงินกับรายทุนเงินกู้รายเดียวกับนายสุวนิตย์ จำนวนเงินกว่า 57 ล้านบาท แต่ได้รับเงินจริง 40 ล้านบาท โดยให้มีการขายฝากทรัพย์สินห้องชุดในคอนโดมิเนียม 138 ห้อง มูลค่าเกือบ 200 ล้านบาท แต่กลับถูกปลอมแปลงเอกสารและใช้เอกสารปลอมเป็นการขายขาดห้องชุดมูลค่ากว่า 200 ล้านบาท ในราคาที่ได้เงินมาเพียง 40 ล้านบาทเท่านั้น
ทั้งนี้ ผู้เสียหายเปิดเผยว่า พฤติกรรมของคู่กรณีมีการปล่อยเงินกู้ในอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 24-30 ต่อปี โดยที่ผู้กู้ไม่ทราบมาก่อนทำสัญญา ซึ่งพบว่ามีผู้เสียหายที่ถูกนายทุนเงินกู้คู่กรณีคนเดียวกันฉ้อโกงในลักษณะเดียวกะนไม่ต่ำกว่า 10 ราย มูลค่าความเสียหายกว่า 1 พันล้านบาท
