พล.ต.อ.กวี สุภานันท์ ที่ปรึกษา (สบ 10) และ พล.ต.ต.ชวลิต แสวงพืชน์ รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง แถลงสรุปสำนวนการสอบสวนในคดีที่ น.ส.พสิษฐ์ อริญชย์ลาภิส หรือโชกุน และพวกรวม 9 คน ร่วมกันหลอกลวงให้ประชาชนซื้อทัวร์ประเทศญี่ปุ่นนับพันราย แต่กลับถูกลอยแพไว้ที่สนามบินสุวรรณภูมิ เมื่อเดือนเมษายน ที่ผ่านมา นอกจากนี้ ยังหลอกลวงให้สมัครสมาชิกเพื่อซื้อสินค้า และจะได้รับผลตอบแทนเกินความเป็นจริง โดยคดีนี้มีประชาชนที่ตกเป็นเหยื่อเข้าแจ้งความรวม 757 คน มูลค่าความเสียหาย 51 ล้านบาท สอบพยานไปทั้งหมด 175 ปาก พร้อมตรวจสอบเส้นทางทางการเงินที่ทำกับผู้เสียหายตั้งแต่เดือนธันวาคม 2559 ถึงเมษายน 2560 ทั้งหมด 9,278 ธุรกรรม เป็นการโอนเงินเข้า 137 ล้านบาท และโอนออกไป 61 ล้านบาท พร้อมยึดทรัพย์สินทั้งรถยนต์ คอนโด ทองคำ เครื่องเพชร สมุดบัญชีธนาคารกว่า 20 ล้านบาท โดยสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ยังแจ้งความเอาผิดในฐานความผิดร่วมกันฟอกเงินด้วย
ขณะที่แม่ข่ายที่รับเงินจากผู้เสียหายและบางรายถูกกล่าวหาว่า เป็นผู้ร่วมกระทำผิดนั้น จากการสืบสวนของตำรวจยังไม่พบหลักฐานว่าแม่ข่ายหรือผู้รับโอน รวมถึงบางส่วนยังตกเป็นผู้เสียหาย และยอมชดใช้เงินคืนด้วยตำรวจจึงกันไว้เป็นพยานทั้งหมด
พล.ต.อ.กวี กล่าวว่า สำนวนการสอบสวนทั้งหมดมีทั้งสิ้น 42 แฟ้ม จำนวนกว่า 18,000 พันหน้า โดยตำรวจแจ้งข้อหาร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซ่องโจร พ.ร.บ.อาหาร และ พ.ร.บ.ศุลกากร ซึ่งคาดว่าจะมีผู้เสียหายมากกว่านี้ แต่ตำรวจมีระยะเวลาในการควบคุมตัวจำกัด ทำให้ต้องรีบสรุปสำนวนก่อนครบกำหนดระยะเวลาฝากขัง ซึ่งบ่ายวันนี้พนักงานสอบสวนจะนำสำนวนส่งต่ออัยการ
ขณะที่แม่ข่ายที่รับเงินจากผู้เสียหายและบางรายถูกกล่าวหาว่า เป็นผู้ร่วมกระทำผิดนั้น จากการสืบสวนของตำรวจยังไม่พบหลักฐานว่าแม่ข่ายหรือผู้รับโอน รวมถึงบางส่วนยังตกเป็นผู้เสียหาย และยอมชดใช้เงินคืนด้วยตำรวจจึงกันไว้เป็นพยานทั้งหมด
พล.ต.อ.กวี กล่าวว่า สำนวนการสอบสวนทั้งหมดมีทั้งสิ้น 42 แฟ้ม จำนวนกว่า 18,000 พันหน้า โดยตำรวจแจ้งข้อหาร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซ่องโจร พ.ร.บ.อาหาร และ พ.ร.บ.ศุลกากร ซึ่งคาดว่าจะมีผู้เสียหายมากกว่านี้ แต่ตำรวจมีระยะเวลาในการควบคุมตัวจำกัด ทำให้ต้องรีบสรุปสำนวนก่อนครบกำหนดระยะเวลาฝากขัง ซึ่งบ่ายวันนี้พนักงานสอบสวนจะนำสำนวนส่งต่ออัยการ