นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) อวยพรเนื่องในโอกาสวันขึ้นปีใหม่ พุทธศักราช 2560 ระบุว่า เนื่องในโอกาสอันเป็นมงคลพิธี ขึ้นพุทธศักราชใหม่ ในวันที่ 1 มกราคม 2560 นี้ ผมในนามของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ขอส่งความปรารถนาดีมายังข้าราชการและลูกจ้างสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ตลอดจนประชาชนชาวไทยทุกท่าน และขอเชิญชวนประชาชนทุกหมู่เหล่า ตั้งจิตพร้อมน้อมอธิษฐานอาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัย พระบรมเดชานุภาพแห่งสมเด็จพระบูรพมหากษัตริยาธิราชเจ้า มีพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช พระปิยมหากษัตริย์ เป็นอาทิ โปรดอภิบาลรักษาสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 และพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน ทรงพระเกษมสำราญ พระพลานามัยสมบูรณ์ แข็งแรง พระบารมีแผ่ไพศาลและทรงสถิตเป็นพระมิ่งขวัญร่มเกล้าแก่เหล่าพสกนิกรชาวไทยตราบกาลนานเทอญ
พี่น้องประชาชนที่รักและเคารพ พุทธศักราช 2559 ที่กำลังจะผ่านพ้นไปเป็นอีกปีหนึ่งที่ประเทศไทยของเรา มีเหตุการณ์สำคัญต่างๆ เกิดขึ้นมากมายภายในประเทศ ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในหลายๆ ด้าน
ประการแรก ประเทศไทยของเรามีการเปลี่ยนแผ่นดิน มีสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระองค์ใหม่ โดยช่วงเดือนพฤศจิกายนอันเป็นช่วงเวลาแห่งมหามงคล เนื่องจากเมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2559 สภานิติบัญญัติแห่งชาติได้มีการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ครั้งที่ 76/2559 (เป็นพิเศษ) ซึ่งเป็นการประชุมที่เป็นวาระอันยิ่งใหญ่และถือเป็นประวัติศาสตร์อีกหน้าหนึ่งของชาวไทย คือ การรับทราบมติคณะรัฐมนตรี เรื่องการแต่งตั้งพระรัชทายาทและให้ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ทำหน้าที่ประธานรัฐสภา นำความกราบบังคมทูลอัญเชิญสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร ขึ้นทรงราชย์เป็นพระมหากษัตริย์สืบไป
บัดนี้ เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม พุทธศักราช 2559 ผมในฐานะประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ทำหน้าที่ประธานรัฐสภาได้เข้าเฝ้าฯ กราบบังคมทูลในนามของปวงชนชาวไทย ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต โดยมีผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ นายกรัฐมนตรี และประธานศาลฎีกา ร่วมเป็นสักขีในพิธีประวัติศาสตร์ ขอพระราชทานอัญเชิญสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร พระรัชทายาทขึ้นทรงราชย์เป็นพระมหากษัตริย์สืบราชสันตติวงศ์ และทรงพระกรุณารับคำกราบบังคมทูลอัญเชิญเสด็จขึ้นทรงราชย์สืบราชสันตติวงศ์ เป็นสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระมหากษัตริย์รัชกาลที่ 10 แห่งพระราชจักรีวงศ์ สืบไปตั้งแต่วันพฤหัสบดีที่ 13 ตุลาคม พุทธศักราช 2559
ประการที่สอง เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2559 ร่างรัฐธรรมนูญผ่านการออกเสียงประชามติ หากมีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญดังกล่าว แล้วคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ต้องจัดทำร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญหรือกฎหมายลูก จำนวน 10 ฉบับ ให้แล้วเสร็จภายใน 240 วัน ซึ่งเป็นการกำหนดรายละเอียดต่างๆ ที่ไม่อาจระบุไว้ในรัฐธรรมนูญได้ทั้งหมด
และประการสุดท้าย เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 13 ตุลาคม 2559 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เสด็จสวรรคต ยังความโศกเศร้าเสียใจมายังผมและพี่น้องประชาชนชาวไทยทั่วทั้งประเทศ นับว่าเป็นความโทมนัสอันยิ่งใหญ่ ซึ่งไม่อาจจะเปรียบเทียบการสูญเสียใดๆ ได้ เนื่องจากพสกนิกรคนไทยทุกหมู่เหล่าไม่ได้อาลัยรักพระองค์ในฐานะที่ทรงเป็นพระมหากษัตริย์เท่านั้น แต่อาลัยรักพระองค์ในฐานะพ่อหลวงของแผ่นดิน และขณะนี้ยังอยู่ในช่วงของการแสดงความอาลัยพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช พระผู้เสด็จสู่สวรรคาลัย โดยตลอดระยะเวลา 70 ปี พระองค์ไม่เคยทอดทิ้งประชาชนและไม่เคยผิดสัญญาที่ได้ตั้งพระราชปณิธานไว้ ดั่งพระปฐมบรมราชโองการ เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม เดชะพระบารมีของพระองค์ได้ปกเกล้าปกกระหม่อมให้ความร่มเย็นเป็นสุขแก่พสกนิกรชาวไทยทั่วทุกภูมิภาค อีกทั้งทรงบันดาลให้เกิดการพัฒนาประเทศในทุกด้าน ผมขอเชิญชวนประชาชนคนไทยทุกคนได้น้อมถวายกราบบังคมแสดงความจงรักภักดีและรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณหาที่สุดมิได้ ในการเจริญรอยตามพระยุคลบาทและสืบสานพระราชปณิธานตลอดไป
ในวาระดิถีขึ้นปีใหม่ พุทธศักราช 2560 ผมขออัญเชิญคุณพระศรีรัตนตรัยพระบารมีแห่งพระสยามเทวาธิราช และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายที่ทุกท่านเคารพนับถือ อีกทั้งพระบารมีแห่งสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โปรดดลบันดาลประทานพรอันประเสริฐให้สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ข้าราชการ และลูกจ้างของสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติ รวมทั้งพี่น้องประชาชนที่เคารพรักทุกท่าน จงประสบแต่ความสุขความเจริญ คิดจำนงหมายสิ่งใดขอจงสัมฤทธิ์ผล ปราศจากอุบัติเหตุและภัยพิบัติทั้งปวง มีสุขภาพพลานามัยสมบูรณ์ แข็งแรง และเป็นพลังสำคัญในการสร้างสรรค์พัฒนาชาติบ้านเมือง ให้ก้าวหน้ารุ่งเรืองตลอดไป สวัสดีปีใหม่ครับ
พี่น้องประชาชนที่รักและเคารพ พุทธศักราช 2559 ที่กำลังจะผ่านพ้นไปเป็นอีกปีหนึ่งที่ประเทศไทยของเรา มีเหตุการณ์สำคัญต่างๆ เกิดขึ้นมากมายภายในประเทศ ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในหลายๆ ด้าน
ประการแรก ประเทศไทยของเรามีการเปลี่ยนแผ่นดิน มีสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระองค์ใหม่ โดยช่วงเดือนพฤศจิกายนอันเป็นช่วงเวลาแห่งมหามงคล เนื่องจากเมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2559 สภานิติบัญญัติแห่งชาติได้มีการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ครั้งที่ 76/2559 (เป็นพิเศษ) ซึ่งเป็นการประชุมที่เป็นวาระอันยิ่งใหญ่และถือเป็นประวัติศาสตร์อีกหน้าหนึ่งของชาวไทย คือ การรับทราบมติคณะรัฐมนตรี เรื่องการแต่งตั้งพระรัชทายาทและให้ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ทำหน้าที่ประธานรัฐสภา นำความกราบบังคมทูลอัญเชิญสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร ขึ้นทรงราชย์เป็นพระมหากษัตริย์สืบไป
บัดนี้ เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม พุทธศักราช 2559 ผมในฐานะประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ทำหน้าที่ประธานรัฐสภาได้เข้าเฝ้าฯ กราบบังคมทูลในนามของปวงชนชาวไทย ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต โดยมีผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ นายกรัฐมนตรี และประธานศาลฎีกา ร่วมเป็นสักขีในพิธีประวัติศาสตร์ ขอพระราชทานอัญเชิญสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร พระรัชทายาทขึ้นทรงราชย์เป็นพระมหากษัตริย์สืบราชสันตติวงศ์ และทรงพระกรุณารับคำกราบบังคมทูลอัญเชิญเสด็จขึ้นทรงราชย์สืบราชสันตติวงศ์ เป็นสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระมหากษัตริย์รัชกาลที่ 10 แห่งพระราชจักรีวงศ์ สืบไปตั้งแต่วันพฤหัสบดีที่ 13 ตุลาคม พุทธศักราช 2559
ประการที่สอง เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2559 ร่างรัฐธรรมนูญผ่านการออกเสียงประชามติ หากมีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญดังกล่าว แล้วคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ต้องจัดทำร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญหรือกฎหมายลูก จำนวน 10 ฉบับ ให้แล้วเสร็จภายใน 240 วัน ซึ่งเป็นการกำหนดรายละเอียดต่างๆ ที่ไม่อาจระบุไว้ในรัฐธรรมนูญได้ทั้งหมด
และประการสุดท้าย เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 13 ตุลาคม 2559 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เสด็จสวรรคต ยังความโศกเศร้าเสียใจมายังผมและพี่น้องประชาชนชาวไทยทั่วทั้งประเทศ นับว่าเป็นความโทมนัสอันยิ่งใหญ่ ซึ่งไม่อาจจะเปรียบเทียบการสูญเสียใดๆ ได้ เนื่องจากพสกนิกรคนไทยทุกหมู่เหล่าไม่ได้อาลัยรักพระองค์ในฐานะที่ทรงเป็นพระมหากษัตริย์เท่านั้น แต่อาลัยรักพระองค์ในฐานะพ่อหลวงของแผ่นดิน และขณะนี้ยังอยู่ในช่วงของการแสดงความอาลัยพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช พระผู้เสด็จสู่สวรรคาลัย โดยตลอดระยะเวลา 70 ปี พระองค์ไม่เคยทอดทิ้งประชาชนและไม่เคยผิดสัญญาที่ได้ตั้งพระราชปณิธานไว้ ดั่งพระปฐมบรมราชโองการ เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม เดชะพระบารมีของพระองค์ได้ปกเกล้าปกกระหม่อมให้ความร่มเย็นเป็นสุขแก่พสกนิกรชาวไทยทั่วทุกภูมิภาค อีกทั้งทรงบันดาลให้เกิดการพัฒนาประเทศในทุกด้าน ผมขอเชิญชวนประชาชนคนไทยทุกคนได้น้อมถวายกราบบังคมแสดงความจงรักภักดีและรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณหาที่สุดมิได้ ในการเจริญรอยตามพระยุคลบาทและสืบสานพระราชปณิธานตลอดไป
ในวาระดิถีขึ้นปีใหม่ พุทธศักราช 2560 ผมขออัญเชิญคุณพระศรีรัตนตรัยพระบารมีแห่งพระสยามเทวาธิราช และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายที่ทุกท่านเคารพนับถือ อีกทั้งพระบารมีแห่งสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โปรดดลบันดาลประทานพรอันประเสริฐให้สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ข้าราชการ และลูกจ้างของสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติ รวมทั้งพี่น้องประชาชนที่เคารพรักทุกท่าน จงประสบแต่ความสุขความเจริญ คิดจำนงหมายสิ่งใดขอจงสัมฤทธิ์ผล ปราศจากอุบัติเหตุและภัยพิบัติทั้งปวง มีสุขภาพพลานามัยสมบูรณ์ แข็งแรง และเป็นพลังสำคัญในการสร้างสรรค์พัฒนาชาติบ้านเมือง ให้ก้าวหน้ารุ่งเรืองตลอดไป สวัสดีปีใหม่ครับ
