นางสาวบรรจงจิตต์ อังศุสิงห์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยว่า กรมฯ ได้ดำเนินการตรวจสอบการทำธุรกิจของนิติบุคคลให้มีความโปร่งใส ถูกต้องตามหลักธรรมาภิบาลมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งหนึ่งในแนวทางการตรวจสอบคือ การแสดงสถานที่ตั้งของนิติบุคคลที่ต้องมีความชัดเจน ถูกต้อง มีตัวตนจริง สามารถติดต่อได้ โดยที่ผ่านมากรมฯ เคยจัดส่งเอกสารทางไปรษณีย์ เพื่อแจ้งเตือนเรื่องต่างๆ ไปยังนิติบุคคลที่จดทะเบียนกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้าในส่วนพื้นที่ของกรุงเทพมหานคร 920 ราย พบว่าเอกสารดังกล่าวถูกตีกลับ เนื่องจากไม่มีสถานที่ตั้งของนิติบุคคล และไม่ตรงตามที่อยู่ที่แจ้งไว้กับฐานข้อมูลการจดทะเบียน
นางสาวบรรจงจิตต์ กล่าวว่า กรมฯ ทำหนังสือถึงผู้แทนนิติบุคคล ซึ่งเป็นกรรมการผู้มีอำนาจลงนาม 1,060 ฉบับ เพื่อให้แจ้งข้อมูลเกี่ยวกับสถานที่ตั้งที่เป็นปัจจุบัน หลังพบว่าไม่สามารถติดต่อกับนิติบุคคลตามสถานที่ตั้งที่จดทะเบียนไว้ จึงขอความร่วมมือผู้แทนนิติบุคคลที่ได้รับหนังสือโปรดเร่งดำเนินการโดยด่วนและขอให้ยืนยัน และตอบกลับมายังกรมฯ ภายใน 15 วันหลังจากได้รับหนังสือ ทั้งนี้ กรมฯ ได้อำนวยความสะดวกให้กับนิติบุคคล โดยแนบแบบฟอร์มการยืนยันสถานที่ตั้ง พร้อมทั้งไปรษณีย์ตอบกลับโดยนิติบุคคลไม่ต้องชำระค่าจัดส่งแต่อย่างใด
สำหรับการดำเนินการดังกล่าว ถือเป็นส่วนสำคัญในมาตรการป้องกันการหลอกลวง และสร้างความโปร่งใสในการจดทะเบียนจัดตั้งนิติบุคคล
ทั้งนี้ กฎหมายกำหนดให้นิติบุคคลต้องระบุสถานที่ตั้งสำนักงานแห่งใหญ่ เพื่อความสะดวกในการติดต่อ และติดตามความเคลื่อนไหว หากนิติบุคคลไม่มีสถานที่ตั้งตามที่จดทะเบียนไว้จะมีความผิดตาม พ.ร.บ.กำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคม และมูลนิธิ พ.ศ.2499 มาตรา 14 ปรับไม่เกิน 20,000 บาท และกรรมการบริษัทมีความผิดตามมาตรา 25 ปรับไม่เกิน 50,000 บาท รวมถึงอาจเป็นเหตุให้นายทะเบียนขีดชื่อออกจากทะเบียนอีกด้วย
นางสาวบรรจงจิตต์ กล่าวว่า กรมฯ ทำหนังสือถึงผู้แทนนิติบุคคล ซึ่งเป็นกรรมการผู้มีอำนาจลงนาม 1,060 ฉบับ เพื่อให้แจ้งข้อมูลเกี่ยวกับสถานที่ตั้งที่เป็นปัจจุบัน หลังพบว่าไม่สามารถติดต่อกับนิติบุคคลตามสถานที่ตั้งที่จดทะเบียนไว้ จึงขอความร่วมมือผู้แทนนิติบุคคลที่ได้รับหนังสือโปรดเร่งดำเนินการโดยด่วนและขอให้ยืนยัน และตอบกลับมายังกรมฯ ภายใน 15 วันหลังจากได้รับหนังสือ ทั้งนี้ กรมฯ ได้อำนวยความสะดวกให้กับนิติบุคคล โดยแนบแบบฟอร์มการยืนยันสถานที่ตั้ง พร้อมทั้งไปรษณีย์ตอบกลับโดยนิติบุคคลไม่ต้องชำระค่าจัดส่งแต่อย่างใด
สำหรับการดำเนินการดังกล่าว ถือเป็นส่วนสำคัญในมาตรการป้องกันการหลอกลวง และสร้างความโปร่งใสในการจดทะเบียนจัดตั้งนิติบุคคล
ทั้งนี้ กฎหมายกำหนดให้นิติบุคคลต้องระบุสถานที่ตั้งสำนักงานแห่งใหญ่ เพื่อความสะดวกในการติดต่อ และติดตามความเคลื่อนไหว หากนิติบุคคลไม่มีสถานที่ตั้งตามที่จดทะเบียนไว้จะมีความผิดตาม พ.ร.บ.กำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคม และมูลนิธิ พ.ศ.2499 มาตรา 14 ปรับไม่เกิน 20,000 บาท และกรรมการบริษัทมีความผิดตามมาตรา 25 ปรับไม่เกิน 50,000 บาท รวมถึงอาจเป็นเหตุให้นายทะเบียนขีดชื่อออกจากทะเบียนอีกด้วย