นายสุระชัย เอี่ยมวชิรสกุล ผู้อำนวยการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) เปิดเผยความคืบหน้าโครงการจัดซื้อรถโดยสารที่ใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิง (เอ็นจีวี) 489 คัน วงเงิน 3,387 ล้านบาท ที่ลงนามสัญญากับบริษัท เบสท์ริน กรุ๊ป จำกัด ผู้ชนะการประมูลโครงการและถูกกรมศุลกากรกักรถไว้ที่ท่าเรือแหลมฉะบัง จ.ชลบุรี เนื่องจากถูกตรวจสอบพบว่า มีการสำแดงภาษีเท็จทั้งที่นำเข้าสำเร็จรูปจากประเทศจีน แต่สำแดงว่าผลิตจากประเทศมาเลเซีย เพื่อปลอดภาษีนำเข้า 40% ว่า วันที่ 29 ธ.ค.นี้ จะครบสัญญาส่งมอบที่ลงนามไว้ต่อกัน ซึ่งบริษัทต้องส่งมอบรถทั้งหมดในวันนี้ (29 ธ.ค.) แต่คาดว่าบริษัทเบสท์รินฯไม่สามารถส่งมอบรถได้ เพราะบริษัทแจ้งว่าได้เข้าพบกรมศุลกากรมา 2 วันแล้ว เพื่อขอทราบรายละเอียดขั้นตอนการนำเงินไปวางเป็นค่าประกันและชำระค่าปรับเลี่ยงภาษีนำเข้า 40% แต่ยังไม่ได้รับคำตอบจากกรมศุลกากร
นายสุระชัย กล่าวอีกว่า ดังนั้นภายในวันนี้จะเป็นกำหนดสุดท้ายหรือเส้นตาย (เดทไลน์) หากบริษัทไม่ส่งมอบรถให้ ขสมก.จะเริ่มปรับเงินบริษัท วันละ 17,000 บาทต่อคันต่อวัน หรือประมาณวันละ 8.3 ล้านบาท ตั้งแต่วันที่30 ธ.ค. ไปจนกว่าส่งมอบรถหรือจนหมดเงินค้ำประกันที่เบสท์รินวางไว้ 330 ล้านบาท หรือประมาณต้นเดือน ก.พ.60 จะครบวงเงินก็ต้องยกเลิกสัญญา
อย่างไรก็ตาม หากกรมศุลกากรสรุปผลอย่างเป็นทางการและพบว่า รถเมล์ดังกล่าวนำเข้ามาจากประเทศจีนอาจทำให้ ขสมก.ไม่สามารถรับมอบรถเมล์ไว้ได้ เนื่องจากขัดกับสัญญาส่งมอบรถที่ระบุว่าจะนำเข้ามาจากประเทศมาเลเซีย ซึ่ง ขสมก.กำลังรอคำตอบข้อกฎหมายสัญญาส่งมอบที่ได้หารืออัยการไป
นายสุระชัย กล่าวอีกว่า ดังนั้นภายในวันนี้จะเป็นกำหนดสุดท้ายหรือเส้นตาย (เดทไลน์) หากบริษัทไม่ส่งมอบรถให้ ขสมก.จะเริ่มปรับเงินบริษัท วันละ 17,000 บาทต่อคันต่อวัน หรือประมาณวันละ 8.3 ล้านบาท ตั้งแต่วันที่30 ธ.ค. ไปจนกว่าส่งมอบรถหรือจนหมดเงินค้ำประกันที่เบสท์รินวางไว้ 330 ล้านบาท หรือประมาณต้นเดือน ก.พ.60 จะครบวงเงินก็ต้องยกเลิกสัญญา
อย่างไรก็ตาม หากกรมศุลกากรสรุปผลอย่างเป็นทางการและพบว่า รถเมล์ดังกล่าวนำเข้ามาจากประเทศจีนอาจทำให้ ขสมก.ไม่สามารถรับมอบรถเมล์ไว้ได้ เนื่องจากขัดกับสัญญาส่งมอบรถที่ระบุว่าจะนำเข้ามาจากประเทศมาเลเซีย ซึ่ง ขสมก.กำลังรอคำตอบข้อกฎหมายสัญญาส่งมอบที่ได้หารืออัยการไป