นายประสงค์ พูนธเนศ อธิบดีกรมสรรพากร เปิดเผยว่า หลังจาก ที่ประชุม ครม.เห็นชอบให้ธนาคารเฉพาะกิจของรัฐทั้งธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ( ธ.ก.ส.) ธนาคารออมสิน และธนาคารกรุงไทย โอนเงินช่วยเหลือรายย่อยจากโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ เพื่อดูแลค่าครองชีพให้กับผู้มีรายได้น้อยนอกภาคเกษตร 1,500-3,000 บาทต่อราย รวมไปถึงเกษตรกรผู้มีรายได้น้อยได้รับเงินช่วยเหลือ 3,000 บาท ในวันนี้ (3 ธ.ค. ) ยังไม่สามารถโอนเงินได้ จากเดิมกำหนดให้โอนพร้อมกันตั้งแต่ 1 ธ.ค. โดยขอตรวจสอบรายชื่อให้ชัดเจนถูกต้องก่อน แล้วจะเร่งโอนให้เร็วที่สุด
นายประสงค์ กล่าวว่า ขณะนี้มีการตัดชื่อผู้ไม่ได้รับสิทธิ์ นับหมื่นราย เนื่องจากไม่เข้าข่ายตามเงื่อนไขที่กำหนด ทั้งเสียชีวิต บางรายรายได้เกินกำหนด โดยต้องตรวจสอบชัดเจน เพื่อต้องการให้การโอนเงินช่วยเหลือตรงกับหลักเกณฑ์ผู้ได้รับสิทธิ์จริง ส่วนมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยว เพื่อนำเงินค่าใช้จ่ายที่พัก ค่าทัวร์ ระหว่างการท่องเที่ยวในช่วงปลายปีอีก 15,000 บาท นักท่องเที่ยวต้องเก็บใบเสร็จรับเงินทั้งแบบแยกรายละเอียด เพื่อแยกชัดเจนสำหรับค่าใช้จ่ายด้านอื่น และใบเสร็จแบบลดหย่อน เพื่อเก็บไว้เป็นหลักฐานในการหักลดหย่อนภาษี
ทั้งนี้ กลุ่มผู้มีรายได้น้อยภาครัฐได้เปิดลงทะเบียนก่อนหน้านี้ และกำนดว่าหากมีรายได้ไม่ 30,000 บาทต่อปี ได้รับรับเงินช่วยเหลือจาก 3,000 บาทต่อราย หากมีรายได้ 30,000-100,000 บาทต่อปี ได้รับเงินช่วยเหลือ 1,500 บาทต่อราย รวมจำนวน 5.4 ล้านราย วงเงิน 12,750 ล้านบาท ส่วนเกษตรกรผู้มีรายได้น้อยได้รับเงินช่วยเหลือ 3,000 บาทต่อราย จำนวน 2.9 ล้านราย วงเงิน 6,000 ล้านบาท จากผู้ลงทะเบียนและผ่านการตรวจสอบเบื้องต้น 8.3 ล้านราย
นายพรชัย ฐีระเวช รองผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กล่าวว่า การที่ยังไม่สามารถโอนเงินในวันนี้ได้ เพราะตรวจสอบเพิ่มเติมพบว่า ผู้ลงทะเบียนบางส่วน มีรายได้เกินกว่าปีละ 100,000 บาท มากกว่า 10,000 ราย และไม่สามารถชี้แจงตามหลักฐานที่กรมสรรพากรตรวจพบ เช่น ผู้ลงทะเบียนบางส่วน สำแดงรายได้ไม่ตรงกับที่ระบุ อีกทั้งยังพบการขอเงินคืนจากภาษีหัก ณ ที่จ่าย ประกอบกับผู้ลงทะเบียนจำนวนหนึ่ง ลงทะเบียนซ้ำกันหลายธนาคาร ซึ่ง สศค. จะยึดข้อมูลการโอนเงินผ่านธนาคารสุดท้ายที่ลงทะเบียน คาดว่า จะสามารถโอนเงินได้ภายในสัปดาห์หน้า แต่ไม่สามารถกำหนดวันได้ชัดเจน
นายประสงค์ กล่าวว่า ขณะนี้มีการตัดชื่อผู้ไม่ได้รับสิทธิ์ นับหมื่นราย เนื่องจากไม่เข้าข่ายตามเงื่อนไขที่กำหนด ทั้งเสียชีวิต บางรายรายได้เกินกำหนด โดยต้องตรวจสอบชัดเจน เพื่อต้องการให้การโอนเงินช่วยเหลือตรงกับหลักเกณฑ์ผู้ได้รับสิทธิ์จริง ส่วนมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยว เพื่อนำเงินค่าใช้จ่ายที่พัก ค่าทัวร์ ระหว่างการท่องเที่ยวในช่วงปลายปีอีก 15,000 บาท นักท่องเที่ยวต้องเก็บใบเสร็จรับเงินทั้งแบบแยกรายละเอียด เพื่อแยกชัดเจนสำหรับค่าใช้จ่ายด้านอื่น และใบเสร็จแบบลดหย่อน เพื่อเก็บไว้เป็นหลักฐานในการหักลดหย่อนภาษี
ทั้งนี้ กลุ่มผู้มีรายได้น้อยภาครัฐได้เปิดลงทะเบียนก่อนหน้านี้ และกำนดว่าหากมีรายได้ไม่ 30,000 บาทต่อปี ได้รับรับเงินช่วยเหลือจาก 3,000 บาทต่อราย หากมีรายได้ 30,000-100,000 บาทต่อปี ได้รับเงินช่วยเหลือ 1,500 บาทต่อราย รวมจำนวน 5.4 ล้านราย วงเงิน 12,750 ล้านบาท ส่วนเกษตรกรผู้มีรายได้น้อยได้รับเงินช่วยเหลือ 3,000 บาทต่อราย จำนวน 2.9 ล้านราย วงเงิน 6,000 ล้านบาท จากผู้ลงทะเบียนและผ่านการตรวจสอบเบื้องต้น 8.3 ล้านราย
นายพรชัย ฐีระเวช รองผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กล่าวว่า การที่ยังไม่สามารถโอนเงินในวันนี้ได้ เพราะตรวจสอบเพิ่มเติมพบว่า ผู้ลงทะเบียนบางส่วน มีรายได้เกินกว่าปีละ 100,000 บาท มากกว่า 10,000 ราย และไม่สามารถชี้แจงตามหลักฐานที่กรมสรรพากรตรวจพบ เช่น ผู้ลงทะเบียนบางส่วน สำแดงรายได้ไม่ตรงกับที่ระบุ อีกทั้งยังพบการขอเงินคืนจากภาษีหัก ณ ที่จ่าย ประกอบกับผู้ลงทะเบียนจำนวนหนึ่ง ลงทะเบียนซ้ำกันหลายธนาคาร ซึ่ง สศค. จะยึดข้อมูลการโอนเงินผ่านธนาคารสุดท้ายที่ลงทะเบียน คาดว่า จะสามารถโอนเงินได้ภายในสัปดาห์หน้า แต่ไม่สามารถกำหนดวันได้ชัดเจน