นายชิตชนก สมประเสริฐ ผู้อำนวยการสำนักงานชลประทานที่ 8 เปิดเผยภายหลังสถานการณ์น้ำภายในเขื่อนหลัก ทั้ง 5 แห่ง ของ จ.นครราชสีมา มีปริมาณน้ำกักเก็บอยู่ที่ประมาณ 454 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 46 ของความจุทั้งหมด ซึ่งหากเทียบจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา มีปริมาณน้ำกักเก็บมากกว่า 89 ล้านลูกบาศก์เมตร แต่ยังคงต้องมีการติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะที่เขื่อนลำตะคอง ที่มีปริมาณน้ำกักเก็บล่าสุดอยู่ที่ 122 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 39 จากความจุกักเก็บ 1314.49 ล้านลูกบาศก์เมตร เนื่องจากเป็นเขื่อนหลักที่ผลิตน้ำใช้ในการอุปโภคบริโภคให้กับประชาชน 5 อำเภอ ประกอบด้วย อำเภอสีคิ้ว สูงเนิน ขามทะเลสอ เฉลิมพระเกียรติ และอำเภอเมืองนครราชสีมา ทำให้ต้องมีการใช้แผนบริหารจัดการน้ำจังหวัด ให้เขื่อนปล่อยน้ำออกจากเขื่อนไม่เกินวันละ 432,000 ลูกบาศก์เมตร เพื่อใช้ในการอุปโภคบริโภค และรักษาระบบนิเวศในลำตะคอง พร้อมกับแจ้งให้เกษตรกรงดปลูกข้าวนาปรังในพื้นที่ชลประทานท้ายเขื่อนซึ่งมีอยู่กว่า150,000 ไร่ และหันไปปลูกพืชที่ใช้น้ำน้อยแทน เพื่อรักษาปริมาณน้ำกักเก็บไว้
นอกจากนี้ ยังประสานให้ประปาเทศบาลนครนครราชสีมาสูบน้ำดิบโดยตรงจากเขื่อนลำตะคองวันละ 50,000 ลูกบาศก์เมตร และสูบน้ำดิบโดยตรงจากเขื่อนลำแชะวันละ 40,000 ลูกบาศก์เมตร เพื่อใช้ในการผลิต เริ่มตั้งแต่ 1 ธ.ค. 59 - 30 เม.ย.60 รวมระยะเวลา 5 เดือน และหลังจากนั้นก็จะต้องนำปริมาณน้ำที่เหลืออยู่นั้นมาทำการประชุมร่วมกับกลุ่มผู้ใช้น้ำ (JMC) โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เป็นประธาน เพื่อสรุปและมีมติในการบริหารจัดการน้ำต่อไป
นอกจากนี้ ยังประสานให้ประปาเทศบาลนครนครราชสีมาสูบน้ำดิบโดยตรงจากเขื่อนลำตะคองวันละ 50,000 ลูกบาศก์เมตร และสูบน้ำดิบโดยตรงจากเขื่อนลำแชะวันละ 40,000 ลูกบาศก์เมตร เพื่อใช้ในการผลิต เริ่มตั้งแต่ 1 ธ.ค. 59 - 30 เม.ย.60 รวมระยะเวลา 5 เดือน และหลังจากนั้นก็จะต้องนำปริมาณน้ำที่เหลืออยู่นั้นมาทำการประชุมร่วมกับกลุ่มผู้ใช้น้ำ (JMC) โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เป็นประธาน เพื่อสรุปและมีมติในการบริหารจัดการน้ำต่อไป
