นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จากภาวะที่เศรษฐกิจโลกมีความผันผวนและการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยที่ยังไม่เต็มศักยภาพ ภาครัฐจึงต้องเร่งดำเนินโครงการ โดยเพิ่มการลงทุนให้มากขึ้นและช่วยผู้ที่ยากจนจริงๆ ให้สามารถดำรงชีพได้ โดยกระทรวงการคลังจะหาเม็ดเงินในการลงทุนผ่านกลุ่มจังหวัด ส่วนในปี 2560 มั่นใจว่าเศรษฐกิจไทยจะไปได้ดีจากการลงทุนของภาครัฐ ทั้งการลงทุนในกลุ่มจังหวัดที่ต้องสร้างจุดขายของตนเอง เพื่อให้พึ่งพาตนเองได้ และโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้า 3 สาย ที่กำลังจะเกิดขึ้นในช่วงต้นปี 2560 ดังนั้น จึงไม่กังวลหากเศรษฐกิจโลกจะมีความผันผวนมากน้อยเพียงใด เพราะมั่นใจเศรษฐกิจไทยในปีหน้า จะขยายตัวได้ตามการลงทุนของภาครัฐ ยืนยันว่า การดำเนินโครงการทั้งหมดนั้น เป็นการปฏิรูปเศรษฐกิจอนาคตให้มีความแข็งแกร่ง ตามแนวทางประชารัฐ
ด้านนายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า นโยบายของนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ในการผลักดันการลงทุนในกลุ่มจังหวัดต่างๆ ซึ่งอาจนำร่องใน 6 จังหวัด และใช้รูปแบบการลงทุน หรือดำเนินการในรูปแบบประชารัฐ ทำให้ได้สิ่งที่ตอบโจทย์ความต้องการของประชาชนและได้ประโยชน์สูงสุด จึงอยากฝากผู้ว่าราชการจังหวัดให้เร่งดำเนินการตามแผน โดยต้องเสนอแผนงานมาทั้งหมดให้เสร็จช่วงต้นเดือนมกราคม เพื่อให้สามารถสรุปวงเงินลงทุนได้ในช่วงกลางเดือนและเบิกจ่ายลงทุนช่วงเดือนกุมภาพันธ์ เนื่องจากสภาพคล่องในประเทศไทยยังมีอยู่สูง และการดำเนินการต่างๆ สามารถกู้เงินในประเทศได้ทันที ซึ่งรัฐบาลพร้อมที่จะสนับสนุนการลงทุนในกลุ่มจังหวัด โดยเตรียมออกพันธบัตรวงเงิน 100,000 กว่าล้านบาท ในการสนับสนุนโครงการทั้งหมด
อย่างไรก็ตาม วงเงินดังกล่าวจะมีในปีงบประมาณ 2561 ต่อไป หลังผ่านการดำเนินโครงการในปี 2560 แล้ว เพื่อให้เกิดความต่อเนื่อง และยังจะช่วยปรับเปลี่ยนประเทศไทยให้เติบโตในรูปแบบการกระจายรายได้และลดความเหลื่อมล้ำ
ด้านนายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า นโยบายของนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ในการผลักดันการลงทุนในกลุ่มจังหวัดต่างๆ ซึ่งอาจนำร่องใน 6 จังหวัด และใช้รูปแบบการลงทุน หรือดำเนินการในรูปแบบประชารัฐ ทำให้ได้สิ่งที่ตอบโจทย์ความต้องการของประชาชนและได้ประโยชน์สูงสุด จึงอยากฝากผู้ว่าราชการจังหวัดให้เร่งดำเนินการตามแผน โดยต้องเสนอแผนงานมาทั้งหมดให้เสร็จช่วงต้นเดือนมกราคม เพื่อให้สามารถสรุปวงเงินลงทุนได้ในช่วงกลางเดือนและเบิกจ่ายลงทุนช่วงเดือนกุมภาพันธ์ เนื่องจากสภาพคล่องในประเทศไทยยังมีอยู่สูง และการดำเนินการต่างๆ สามารถกู้เงินในประเทศได้ทันที ซึ่งรัฐบาลพร้อมที่จะสนับสนุนการลงทุนในกลุ่มจังหวัด โดยเตรียมออกพันธบัตรวงเงิน 100,000 กว่าล้านบาท ในการสนับสนุนโครงการทั้งหมด
อย่างไรก็ตาม วงเงินดังกล่าวจะมีในปีงบประมาณ 2561 ต่อไป หลังผ่านการดำเนินโครงการในปี 2560 แล้ว เพื่อให้เกิดความต่อเนื่อง และยังจะช่วยปรับเปลี่ยนประเทศไทยให้เติบโตในรูปแบบการกระจายรายได้และลดความเหลื่อมล้ำ