วันนี้ (24 พ.ย.) เมื่อเวลา 15.00 น.บาทหลวงเดนนิส มัลลินเนอร์ อายุ 76 ปี และนางชไมพร มัลลินเนอร์ อายุ 75 ปี ในฐานะอดีตพระอาจารย์สอนภาษาอังกฤษกับภาษาฝรั่งเศส และวิชาหัตถศึกษากับวิชาศิลปะ อดีตพระอาจารย์ที่โรงเรียนจิตรลดาที่สอนวิชาแด่พระราชโอรส พระราชธิดาทั้ง 4 พระองค์ เมื่อครั้งทรงพระเยาว์ พร้อมครอบครัวเดินทางมาร่วมฟังพระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรมพระบรมศพ ในพระราชพิธีบำเพ็ญกุศลพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง
ภายหลังเสร็จพระราชพิธี นางชไมพร เปิดเผยความรู้สึกว่า เมื่อ 50 ปีที่แล้ว ตนได้เป็นพระอาจารย์อยู่ในโรงเรียนจิตรลดา และได้รับเกียรติเป็นพระอาจารย์สอนเจ้าฟ้าทั้ง 4 พระองค์ ร่วมกับเด็กนักเรียนคนอื่นๆ อย่างเท่าเทียมกัน เพราะในหลวงรัชกาลที่ 9 รับสั่งให้สอนเฉกเช่นนักเรียนคนอื่นๆ
นอกจากนี้ ในหลวงรัชกาลที่ 9 มีรับสั่งให้ตนไปสอนทหารผ่านศึกที่มูลนิธิสายใจไทย เพื่อให้ทหารที่ผ่านศึกสงครามจากเวียดนาม ซึ่งเป็นเรื่องที่พระองค์ย้ำทุกวันไม่ให้ทอดทิ้งทหารผ่านศึกที่ไม่มีอาชีพ บางคนขาขาดแขนขาด ได้มีวิชาชีพติดตัวไป
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงความรู้สึกที่ได้สอนหนังสือกับเจ้าฟ้าทั้ง 4 พระองค์นั้น นางชไมพร เปิดเผยว่า ตอนนั้นตนยังสาวมาก สอนตามหน้าที่ของครูโดยปกติ ไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นหรือเกร็ง พอมีอายุมากขึ้นคิดว่าที่ผ่านมาเป็นช่วงเวลาที่มีคุณค่ามากๆ นอกจากนี้ ยังได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากในหลวงรัชกาลที่ 9 ได้พระราชทานน้ำสังข์กับคนต่างชาติเป็นคู่แรก เมื่อปี พ.ศ.2512 โดยมีสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเป็นแม่สื่อ หลังจากทราบข่าวเสด็จสวรรคตของในหลวงรัชกาลที่ 9 ก็เศร้าโศกใจมาก แต่ไม่สามารถเเดินทางมาได้ทันที เพราะติดภารกิจโดยตนเป็นผู้นำร้องเพลงสรรเสริญเชิญชวนชาวไทยในอังกฤษมาร่วมร้องเพลง บรรยากาศเศร้ามากทุกคนล้วนคิดถึงในหลวงรัชกาลที่ 9
ด้านบาทหลวงเดนนิส เปิดเผยว่า ครั้งแรกที่ได้เข้าเฝ้าฯ ในหลวงรัชกาลที่ 9 ตนจำรับสั่งเป็นภาษาอังกฤษว่า "ให้ทำตัวตามสบาย" ซึ่งเป็นพระเมตตาทำให้ตนไม่รู้สึกเกร็ง ตนได้ทูลถามเป็นภาษาอังกฤษว่า "สบายดีไหม" ทรงรับสั่งกลับมาว่า "ส.บ.ม." ตอนนั้นยังไม่เข้าใจความหมายจึงทูลถามถึงความหมาย พระองค์ทรงตอบกลับมาว่า "สบายมาก" เหตุการณ์ทำให้ตนรู้สึกประทับใจที่ทรงให้ความเป็นกันเอง ต่อมาบิดาของตนชราภาพมาก จึงขอทูลลาไปดูแลบิดาที่ประเทศอังกฤษสักระยะหนึ่ง กระทั่งปัจจุบันได้เป็นบาทหลวงประจำสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 แห่งสหราชอาณาจักร
ภายหลังเสร็จพระราชพิธี นางชไมพร เปิดเผยความรู้สึกว่า เมื่อ 50 ปีที่แล้ว ตนได้เป็นพระอาจารย์อยู่ในโรงเรียนจิตรลดา และได้รับเกียรติเป็นพระอาจารย์สอนเจ้าฟ้าทั้ง 4 พระองค์ ร่วมกับเด็กนักเรียนคนอื่นๆ อย่างเท่าเทียมกัน เพราะในหลวงรัชกาลที่ 9 รับสั่งให้สอนเฉกเช่นนักเรียนคนอื่นๆ
นอกจากนี้ ในหลวงรัชกาลที่ 9 มีรับสั่งให้ตนไปสอนทหารผ่านศึกที่มูลนิธิสายใจไทย เพื่อให้ทหารที่ผ่านศึกสงครามจากเวียดนาม ซึ่งเป็นเรื่องที่พระองค์ย้ำทุกวันไม่ให้ทอดทิ้งทหารผ่านศึกที่ไม่มีอาชีพ บางคนขาขาดแขนขาด ได้มีวิชาชีพติดตัวไป
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงความรู้สึกที่ได้สอนหนังสือกับเจ้าฟ้าทั้ง 4 พระองค์นั้น นางชไมพร เปิดเผยว่า ตอนนั้นตนยังสาวมาก สอนตามหน้าที่ของครูโดยปกติ ไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นหรือเกร็ง พอมีอายุมากขึ้นคิดว่าที่ผ่านมาเป็นช่วงเวลาที่มีคุณค่ามากๆ นอกจากนี้ ยังได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากในหลวงรัชกาลที่ 9 ได้พระราชทานน้ำสังข์กับคนต่างชาติเป็นคู่แรก เมื่อปี พ.ศ.2512 โดยมีสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเป็นแม่สื่อ หลังจากทราบข่าวเสด็จสวรรคตของในหลวงรัชกาลที่ 9 ก็เศร้าโศกใจมาก แต่ไม่สามารถเเดินทางมาได้ทันที เพราะติดภารกิจโดยตนเป็นผู้นำร้องเพลงสรรเสริญเชิญชวนชาวไทยในอังกฤษมาร่วมร้องเพลง บรรยากาศเศร้ามากทุกคนล้วนคิดถึงในหลวงรัชกาลที่ 9
ด้านบาทหลวงเดนนิส เปิดเผยว่า ครั้งแรกที่ได้เข้าเฝ้าฯ ในหลวงรัชกาลที่ 9 ตนจำรับสั่งเป็นภาษาอังกฤษว่า "ให้ทำตัวตามสบาย" ซึ่งเป็นพระเมตตาทำให้ตนไม่รู้สึกเกร็ง ตนได้ทูลถามเป็นภาษาอังกฤษว่า "สบายดีไหม" ทรงรับสั่งกลับมาว่า "ส.บ.ม." ตอนนั้นยังไม่เข้าใจความหมายจึงทูลถามถึงความหมาย พระองค์ทรงตอบกลับมาว่า "สบายมาก" เหตุการณ์ทำให้ตนรู้สึกประทับใจที่ทรงให้ความเป็นกันเอง ต่อมาบิดาของตนชราภาพมาก จึงขอทูลลาไปดูแลบิดาที่ประเทศอังกฤษสักระยะหนึ่ง กระทั่งปัจจุบันได้เป็นบาทหลวงประจำสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 แห่งสหราชอาณาจักร