วันนี้ (19 พ.ย.) เมื่อเวลา 09.30 น.ที่สโมสรร่มเกล้า ค่ายจุฬาภรณ์ ต.โคกเคียน อ.เมือง จ.นราธิวาส พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผู้บัญชาการทหารบก เดินทางพร้อมคณะ เข้าประชุมร่วมกับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง โดยมี พล.ต.วิชาญ สุขสง ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส น.อ.สุบรร ดีนอก รองผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินภาคใต้ ค่ายจุฬาภรณ์ และผู้ที่เกี่ยวข้องระดับรอง ผบ.หน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส ระดับ ผบ.หน่วยหมายเลข 2 ตัว และระดับ ผบ.ร้อยในพื้นที่ 13 อำเภอของ จ.นราธิวาสเข้าประชุมร่วมประมาณ 100 คน
โดย น.ท.สาคเรศ โชติประภา รองเสนาธิการหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธิน กองทัพเรือได้บรรยายสรุปภาพรวมของสถานการณ์ในพื้นที่
จ.นราธิวาส ในห้วงระยะเวลาตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.2559 ที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งพบว่าถึงแม้สถานการณ์ความรุนแรงจะเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง
แต่จากการสอบสวนในเชิงลึกพบว่าเป็นคดีความมั่นคงเพียงแค่ 3 เหตุการณ์เท่านั้น ได้แก่ เหตุคนร้ายยิงพนักงานรถไฟที่ อ.ระแงะ ยิงเจ้าหน้าที่ตำรวจที่สุไหงโก-ลก รวมทั้งยิงครอบครัวชาวไทยพุทธที่ อ.ตากใบ ส่วนเหตุระเบิดในพื้นที่ อ.ยี่งอ อ.บาเจาะ รวมทั้งที่ อ.สุไหงปาดีนั้น
เป็นความพยายามของกลุ่มผู้ไม่หวังดี และมีความคิดที่สุดโต่งที่หวังจะสร้างสถานการณ์ เพื่อต่อต้านการงานของเจ้าหน้าที่รัฐ ซึ่งในส่วนของการคมพื้นที่ หน่วยเฉพาะกิจนราธิวาสดูแลพื้นที่ 10 อำเภอ และหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินภาคใต้ ค่ายจุฬาภรณ์ดูแลพื้นที่ 3 อำเภอ
อย่างไรก็ตาม ภาพรวมของสถนการณ์เมื่อเปรียบเทียบกับห้วงเวลาเดียวกันกับปีที่ผ่านมา เหตุการณ์ความรุนแรงลดลงประมาณ 50% ทั้งนี้เกิดจากการทำงานของภาครัฐที่ร่วมกับประชาชนในพื้นที่ช่วยกันเป็นหูเป็นตาในการสอดส่องดูแลพื้นที่อย่างเข้มงวด
หลังจากรับฟังบรรยายสรุปแล้วเสร็จ พล.อ.เฉลิมชัย ได้มอบนโยบายในการปฏิบัติ โดยได้เน้นย้ำให้ทุกฝ่ายประสานการปฏิบัติ เพื่อให้การทำงานเป็นไปในทิศทางเดียวกัน โดยให้มีการตรวจสอบความเคลื่อนไหวของกลุ่มก่อความไม่สงบในพื้นที่ทุกอำเภออย่างต่อเนื่อง รวมทั้งให้มีการดึงมวลชน ซึ่งเป็นชาวบ้านมาเป็นเครือข่ายให้มากที่สุด เพื่อที่จะเป็นเกราะป้องกันในความพยายามของฝ่ายตรงข้ามที่หวังจะก่อเหตุในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง
โดย น.ท.สาคเรศ โชติประภา รองเสนาธิการหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธิน กองทัพเรือได้บรรยายสรุปภาพรวมของสถานการณ์ในพื้นที่
จ.นราธิวาส ในห้วงระยะเวลาตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.2559 ที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งพบว่าถึงแม้สถานการณ์ความรุนแรงจะเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง
แต่จากการสอบสวนในเชิงลึกพบว่าเป็นคดีความมั่นคงเพียงแค่ 3 เหตุการณ์เท่านั้น ได้แก่ เหตุคนร้ายยิงพนักงานรถไฟที่ อ.ระแงะ ยิงเจ้าหน้าที่ตำรวจที่สุไหงโก-ลก รวมทั้งยิงครอบครัวชาวไทยพุทธที่ อ.ตากใบ ส่วนเหตุระเบิดในพื้นที่ อ.ยี่งอ อ.บาเจาะ รวมทั้งที่ อ.สุไหงปาดีนั้น
เป็นความพยายามของกลุ่มผู้ไม่หวังดี และมีความคิดที่สุดโต่งที่หวังจะสร้างสถานการณ์ เพื่อต่อต้านการงานของเจ้าหน้าที่รัฐ ซึ่งในส่วนของการคมพื้นที่ หน่วยเฉพาะกิจนราธิวาสดูแลพื้นที่ 10 อำเภอ และหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินภาคใต้ ค่ายจุฬาภรณ์ดูแลพื้นที่ 3 อำเภอ
อย่างไรก็ตาม ภาพรวมของสถนการณ์เมื่อเปรียบเทียบกับห้วงเวลาเดียวกันกับปีที่ผ่านมา เหตุการณ์ความรุนแรงลดลงประมาณ 50% ทั้งนี้เกิดจากการทำงานของภาครัฐที่ร่วมกับประชาชนในพื้นที่ช่วยกันเป็นหูเป็นตาในการสอดส่องดูแลพื้นที่อย่างเข้มงวด
หลังจากรับฟังบรรยายสรุปแล้วเสร็จ พล.อ.เฉลิมชัย ได้มอบนโยบายในการปฏิบัติ โดยได้เน้นย้ำให้ทุกฝ่ายประสานการปฏิบัติ เพื่อให้การทำงานเป็นไปในทิศทางเดียวกัน โดยให้มีการตรวจสอบความเคลื่อนไหวของกลุ่มก่อความไม่สงบในพื้นที่ทุกอำเภออย่างต่อเนื่อง รวมทั้งให้มีการดึงมวลชน ซึ่งเป็นชาวบ้านมาเป็นเครือข่ายให้มากที่สุด เพื่อที่จะเป็นเกราะป้องกันในความพยายามของฝ่ายตรงข้ามที่หวังจะก่อเหตุในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง