ดร.พิเชฐ ดุรงคเวโรจน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กล่าวว่า จากการที่รัฐบาลมีนโยบายสนับสนุนชาวนาให้สามารถจำหน่ายข้าวแก่ผู้บริโภคได้โดยตรง เพื่อร่วมผลักดันราคาข้าวให้มีความเหมาะสม และเป็นธรรมสำหรับชาวนาและผู้บริโภค วท.จึงได้ร่วมกับ ธ.ก.ส. นำข้าวหอมมะลิเกรดเอจากชาวนามาจำหน่ายให้แก่ผู้บริโภคในราคาย่อมเยาว์ โดยไม่ผ่านคนกลาง พร้อมกันนี้ จะมีการนำเครื่องสีข้าวที่ วท. สนับสนุนงบประมาณให้กับสมาคมเครื่องจักรกลไทยใน “โครงการพัฒนาและถ่ายทอดเทคโนโลยีเครื่องสีข้าวระดับครัวเรือน” มาจัดแสดงเพื่อให้เกษตรกรและผู้สนใจนำไปใช้ในการสีข้าวรับประทานเอง หรือกลุ่มเกษตรกรนำไปสีข้าวเพื่อจำหน่ายได้โดยตรง โดยเป็นการเร่งขยายผล จากที่ก่อนหน้านี้ วท. ได้ถ่ายทอดเทคโนโลยีนี้ให้กับเกษตรกรและส่งมอบเครื่องสีข้าวดังกล่าวให้แก่กลุ่มวิสาหกิจชุมชนกว่า 100 ชุมชนมาแล้ว
ด้าน รศ.นพ.สรนิต ศิลธรรม ปลัดกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กล่าวถึงรายละเอียดของเครื่องสีข้าวที่นำมาจัดแสดงว่า เครื่องสีข้าวที่นำมาจัดแสดงครั้งนี้จะมี 2 รุ่น คือ 1.รุ่นเอ็นดับเบิลยู 1000 เทอร์โบ (NW 1000 TURBO) ซึ่งสีได้ทั้งข้าวขาว และข้าวกล้อง สามารถสีข้าวเปลือกได้ประมาณ 50-70 กิโลกรัมต่อชั่วโมง ตัวเครื่องมีไซโคลนดูดแกลบ และรำแยกเก็บใส่ถุงผ้า จึงทำให้ไม่มีฝุ่นละออง นอกจากนั้น ยังไม่มีเศษหินปะปนไปกับข้าว และสามารถเลือกปรับความขาวมากขาวน้อยของข้าวได้ตามต้องการ และ 2.รุ่นกรีนบี นาโน 3 ที่มีขนาดเล็กกระทัดรัด ไม่กินเนื้อที่ มีน้ำหนักเพียง 33 กิโลกรัม สามารถสีข้าวได้ครั้งละ 38-45 กิโลกรัมข้าวเปลือกต่อชั่วโมง เหมาะสำหรับใช้บริโภคในครัวเรือน ตลอดจนในชุมชน ที่สำคัญมีอุปกรณ์คัดแยกสิ่งเจือปน รวมถึงข้าวเมล็ดเต็มและข้าวหักออกจากกันได้ จึงสามารถสีข้าวให้ได้คุณภาพตามความต้องการของผู้บริโภค ส่วนรำข้าวและแกลบก็นำไปใช้เลี้ยงสัตว์หรือทำปุ๋ยได้ ซึ่งจะช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายที่เกิดจากการจ้างสีข้าว อีกทั้งยังเป็นการเพิ่มความเข้มแข็งให้ภาคการเกษตรไทยได้อีกด้วย
ด้าน รศ.นพ.สรนิต ศิลธรรม ปลัดกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กล่าวถึงรายละเอียดของเครื่องสีข้าวที่นำมาจัดแสดงว่า เครื่องสีข้าวที่นำมาจัดแสดงครั้งนี้จะมี 2 รุ่น คือ 1.รุ่นเอ็นดับเบิลยู 1000 เทอร์โบ (NW 1000 TURBO) ซึ่งสีได้ทั้งข้าวขาว และข้าวกล้อง สามารถสีข้าวเปลือกได้ประมาณ 50-70 กิโลกรัมต่อชั่วโมง ตัวเครื่องมีไซโคลนดูดแกลบ และรำแยกเก็บใส่ถุงผ้า จึงทำให้ไม่มีฝุ่นละออง นอกจากนั้น ยังไม่มีเศษหินปะปนไปกับข้าว และสามารถเลือกปรับความขาวมากขาวน้อยของข้าวได้ตามต้องการ และ 2.รุ่นกรีนบี นาโน 3 ที่มีขนาดเล็กกระทัดรัด ไม่กินเนื้อที่ มีน้ำหนักเพียง 33 กิโลกรัม สามารถสีข้าวได้ครั้งละ 38-45 กิโลกรัมข้าวเปลือกต่อชั่วโมง เหมาะสำหรับใช้บริโภคในครัวเรือน ตลอดจนในชุมชน ที่สำคัญมีอุปกรณ์คัดแยกสิ่งเจือปน รวมถึงข้าวเมล็ดเต็มและข้าวหักออกจากกันได้ จึงสามารถสีข้าวให้ได้คุณภาพตามความต้องการของผู้บริโภค ส่วนรำข้าวและแกลบก็นำไปใช้เลี้ยงสัตว์หรือทำปุ๋ยได้ ซึ่งจะช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายที่เกิดจากการจ้างสีข้าว อีกทั้งยังเป็นการเพิ่มความเข้มแข็งให้ภาคการเกษตรไทยได้อีกด้วย