เชียงราย - จังหวัดฯ เปิดพื้นที่ศาลากลางขายข้าวช่วยชาวนาต่อเนื่อง วันนี้ (3 พ.ย.) ขนข้าวเหนียว กข.10 คัดพิเศษขายราคาย่อมเยาอีก 20 ตัน หลังวันแรกขนมา 15 ตันขายได้เกลี้ยง พร้อมเตรียมจัดพื้นที่ให้ขายในตลาดเกษตรดอยทอง มทบ.37 ทุกวันศุกร์ด้วย
วันนี้ (3 พ.ย.) นายบุญส่ง เตชะมณีสถิตย์ ผู้ว่าราชการ จ.เชียงราย, นายสมชัย ใจกว้าง สหกรณ์ จ.เชียงราย ยังคงนำผลผลิตข้าวจากสหกรณ์-ภาคเอกชน และชาวนาที่ได้รับการคัดเลือกวางจำหน่ายในราคาย่อมเยาที่ศาลากลาง จ.เชียงราย เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้บริโภคซื้อข้าวในราคาถูก และช่วยระบายผลผลิตข้าวของเกษตรกรด้วย
ล่าสุดได้นำข้าวเหนียว กข.10 บรรจุกระสอบขนาด 15 กิโลกรัม มาจำหน่าย หลังจากเมื่อวันที่ 2 พ.ย.ได้มีการนำข้าวสารข้าวถุงขนาดบรรจุ 5 กิโลกรัม วางจำหน่ายในราคาที่ต่ำกว่าท้องตลาดทั่วไปแล้วพบว่ามีผู้ซื้อไปบริโภคจนหมด
นายบุญส่งกล่าวว่า ข้าวที่นำมาจำหน่ายเป็นวันที่ 2 นี้เป็นข้าวเหนียวชนิดคัดพิเศษจำนวน 20 ตัน หลังจากวันแรกได้นำมาวางจำหน่ายแล้ว 16 ตัน ซึ่งราคาขายก็ถือว่าถูก โดยข้าวกระสอบขนาด 15 กิโลกรัม ขายเพียง 280 บาท ซึ่งถูกกว่าท้องตลาดทั่วไปที่จำหน่ายกระสอบละกว่า 350 บาท
หลังจากนี้ จังหวัดจะให้นำข้าวไปวางจำหน่ายที่ตลาดเกษตรกรดอยทอง มณฑลทหารบกที่ 37 ซึ่งจะมีการจัดตลาดทุกวันศุกร์ต่อไป โดยจะมีทั้งข้าวสารหอมมะลิ ข้าวเหนียว ในราคาย่อมเยาว์เช่นเดิม นอกจากนี้ยังมีการนำเครื่องสีข้าวไปให้บริการสีแปรรูปให้ด้วย
นายบุญส่งกล่าวอีกว่า เชียงราย มีพื้นที่ทำนาประมาณ 1.5 ล้านไร่ ได้ผลผลิตข้าวเปลือกแต่ละปีกว่า 750,000 ตัน เมื่อแปรรูปเป็นข้าวสารจะมีประมาณ 400,000 ตัน ซึ่งถือว่ามากพอสมควร ช่วงนี้จึงได้เปิดตลาดกลางให้พ่อค้าแต่ละคนซื้อข้าวจากเกษตรกรได้โดยตรง
นอกจากนี้ จังหวัดยังได้ร่วมกับหน่วยทหารทำโรงสีของรัฐ เพื่อให้เกษตรกรนำข้าวมาสีกับโรงสีของจังหวัด แล้วนำออกขายโดยตรงให้กับผู้บริโภคได้ด้วย ซึ่งจะเป็นวิธีหนึ่งที่จะลดขั้นตอนการผ่านพ่อค้าคนกลางอันจะทำให้ราคาข้าวของเกษตรกรสูงกว่าเดิมได้
ด้านนายสมชัย ใจกว้าง สหกรณ์ จ.เชียงราย กล่าวว่า ข้าวที่นำมาจำหน่ายส่วนใหญ่มาจากความร่วมมือระหว่างจังหวัดกับสหกรณ์ต่างๆใน 18 อำเภอของ จ.เชียงราย นำมาขายราคาถูกกว่าท้องตลาดทั่วไป โดยข้าวถุงขนาด 5 กิโลกรัมจะถูกกว่าตลาด 20-50 บาท แต่ถ้าเป็นกระสอบ ก็จะถูกกว่าหลักร้อยบาท
“นอกจากที่ศาลากลางแล้ว ทางสหกรณ์ฯ ยังนำข้าวไปขายในอำเภออื่นอีก 3 อำเภอ และจะขยายให้ครบทั้ง 18 อำเภอ เพื่อระบายสต๊อกเดิมให้หมดโดยเร็ว เพื่อที่สหกรณ์จะมีทุนหมุนเวียนซื้อข้าวจากชาวนาในฤดูกาลใหม่ ซึ่งก็จะช่วยพยุงราคาข้าวให้สูงขึ้นกว่าเดิม และประชาชนยังได้หาซื้อข้าวในราคาย่อมเยาอีกด้วย”