น.พ.วรงค์ เดชกิจวิกรม อดีตส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวสถานการณ์ราคาข้าวว่า วันนี้ (28 ต.ค.) ราคาข้าวตกต่ำมาก ตนมีข้อเสนอให้รัฐบาลดำเนินการโดยด่วนเพื่อช่วยชาวนา แบบจริงจัง โดยให้มีมาตรการเร่งด่วน ที่ต้องทำทันที นั่นคือการจ่ายเงินส่วนต่างช่วยชาวนา เพื่อแก้ปัญหาสภาพคล่องเฉพาะหน้าให้มีเงินใช้จ่าย เพราะตอนนี้ชาวนาลำบากมาก ในสภาวะอย่างนี้ประชาชนไม่ต่อว่าแน่ ขอให้เงินถึงมือชาวนาจริง ๆ ส่วนมาตรการระยะกลาง ก็ต้องใช้เวลาเตรียมความพร้อมดำเนินการ แต่ต้องเริ่มทันที เพราะการเห็นผลต้องใช้เวลา นั่นคือให้ชาวนารวมกลุ่มไม่ขายข้าวเปลือก แต่สีขาวเปลือกขายข้าวสาร มีการรวมกลุ่มสีข้าวเปลือกเป็นข้าวสารบรรจุถุงขาย ซึ่งรัฐบาลมีมาตรการชัดเจนให้หน่วยงานรัฐซื้อข้าวสารจากกลุ่มเกษตกร เช่นอาหารกลางวันนักเรียน ราชทัณฑ์ โรงพยาบาล ค่ายทหาร รวมทุกส่วนราชการ และครม. รวมทั้งสนช.และสปท. ผู้นำทั้งหลายต้องเป็นต้นแบบในการซื้อข้าวสารของกลุ่มเกษตกรมารับประทาน ทั้งเมื่อมีการประชุมและส่วนตัว เมื่อมีการประชุมครม. สภานิติบัญญัติแห่งชสจิ (สนช.) สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) ก็ขึ้นป้ายว่าเป็นข้าวของกลุ่มใด จะได้เกิดกระแสสังคมช่วยกันซื้อข้าวจากกลุ่มชาวนา และรณรงค์ให้ประชาชนซื้อข้าวที่ผลิตโดยกลุ่มมาบริโภค ส่วนโรงสีนั้นก็ให้เขาผลิตเพื่ออุตสาหกรรม และการส่งออก
ทั้งนี้ น.พ.วรงค์กล่าวอีกว่า ในส่วนมาตรการระยะยาวนั้น ซึ่งมีความยั่งยืน สนับสนุนให้ชาวนาทำการเกษตรแบบผสมผสาน เช่น ทำนาด้วย เลี้ยงสัตว์เช่นวัว ควาย ไก่ แพะ เป็นต้น เพราะเท่าที่มีประสบการณ์พบปะเยี่ยมเยียนชาวนา ที่เลี้ยงวัว เลี้ยงสัตว์ร่วมด้วย เขาบอกว่าดีกว่าทำนาอย่างเดียว มาตรการระยะสุดท้าย เป็นมาตรการในฝัน อยากให้รัฐบาลไปเปลี่ยนกรอบความคิด และทำหลักสูตรนักศึกษาสาขาการเกษตร เพื่อให้นักศึกษาเหล่านี้โดยเฉพาะที่มีพ่อแม่เป็นเกษตกรให้เขามีความคิดเป็นเจ้าของกิจการ เป็นผู้ประกอบกิจการด้านเกษตรเช่น ทำไร่ ทำสวน ทำนา ปศุสัตว์ เพราะนักศึกษาเหล่านี้มีความรู้และเข้าใจเทคโนโลยี
โดยรัฐหามาตรการจูงใจและช่วยเหลือให้เขาจบมาเป็นเจ้าของกิจการ อนาคตประเทศจะได้เกษตกรพันธุ์ใหม่ ที่มีทั้งความรู้และเทคโนโลยี ไม่ใช่ปล่อยให้นักศึกษาสายเกษตรไปเป็นเซลส์ขายปุ๋ยขายยา หรือเป็นลูกจ้าง ทั้งหมดนี้เป็นความคิดเห็น ตนอยากให้รัฐบาลต้องดำเนินการเพื่อช่วยเหลือพี่น้องชาวนา ไม่ใช่ปล่อยทุกอย่างผ่านไปในแต่ละวัน ที่สำคัญต้องเริ่มทำทันที และติดตาม กำกับแบบเอาจริงเอาจัง
ทั้งนี้ น.พ.วรงค์กล่าวอีกว่า ในส่วนมาตรการระยะยาวนั้น ซึ่งมีความยั่งยืน สนับสนุนให้ชาวนาทำการเกษตรแบบผสมผสาน เช่น ทำนาด้วย เลี้ยงสัตว์เช่นวัว ควาย ไก่ แพะ เป็นต้น เพราะเท่าที่มีประสบการณ์พบปะเยี่ยมเยียนชาวนา ที่เลี้ยงวัว เลี้ยงสัตว์ร่วมด้วย เขาบอกว่าดีกว่าทำนาอย่างเดียว มาตรการระยะสุดท้าย เป็นมาตรการในฝัน อยากให้รัฐบาลไปเปลี่ยนกรอบความคิด และทำหลักสูตรนักศึกษาสาขาการเกษตร เพื่อให้นักศึกษาเหล่านี้โดยเฉพาะที่มีพ่อแม่เป็นเกษตกรให้เขามีความคิดเป็นเจ้าของกิจการ เป็นผู้ประกอบกิจการด้านเกษตรเช่น ทำไร่ ทำสวน ทำนา ปศุสัตว์ เพราะนักศึกษาเหล่านี้มีความรู้และเข้าใจเทคโนโลยี
โดยรัฐหามาตรการจูงใจและช่วยเหลือให้เขาจบมาเป็นเจ้าของกิจการ อนาคตประเทศจะได้เกษตกรพันธุ์ใหม่ ที่มีทั้งความรู้และเทคโนโลยี ไม่ใช่ปล่อยให้นักศึกษาสายเกษตรไปเป็นเซลส์ขายปุ๋ยขายยา หรือเป็นลูกจ้าง ทั้งหมดนี้เป็นความคิดเห็น ตนอยากให้รัฐบาลต้องดำเนินการเพื่อช่วยเหลือพี่น้องชาวนา ไม่ใช่ปล่อยทุกอย่างผ่านไปในแต่ละวัน ที่สำคัญต้องเริ่มทำทันที และติดตาม กำกับแบบเอาจริงเอาจัง
