นพ.วันชัย สัตยาวุฒิพงศ์ เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เปิดเผยว่า พืชกระท่อมปัจจุบันจัดเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 5 ตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 ห้ามมิให้ผู้ใดผลิต จำหน่าย นำเข้า ส่งออก หรือมีไว้ในครอบครองเว้นแต่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข จะได้อนุญาตเป็นแต่ละราย และห้ามไม่ให้ผู้ใดเสพพืชกระท่อม ฝ่าฝืนมีโทษจำหรือปรับ
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากช่วงที่ผ่านมา มีแพทย์และนักวิจัยหลายฝ่ายเห็นว่าพืชกระท่อมมีสรรพคุณทางยา มีฤทธิ์ช่วยลดความเจ็บปวดเลย จึงขอให้มีการแก้ไข ดังนั้น อย.ได้พิจารณาและจะเสนอให้มีการแก้ไขกฎหมายดังกล่าว เพื่อให้สามารถนำพืชกระท่อมมาใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ได้ ทั้งการศึกษาวิจัยทางการแพทย์ และเพื่อประโยชน์ในการรักษาโรค โดยมีการปรับแก้ถ้อยคำมาเป็น “ห้ามมิให้ผู้ใดเสพพืชกระท่อม เว้นแต่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข จะประกาศกำหนดตำรับยาที่ให้เสพ เพื่อการรักษาโรคตามคำสั่งของผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมผู้ประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทยสาขาเวชกรรมไทยหรือผู้ประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทยประยุกต์”
ขณะนี้กำลังดำเนินการอย่างรอบคอบ โดยจะพิจารณาผลกระทบทางด้านสาธารณสุขและสังคม เนื่องจากยังมีปัญหาการเสพพืชกระท่อมแพร่ระบาดในหมู่วัยรุ่น
นพ.วันชัย กล่าวอีกว่า ปัจจุบันสหประชาชาติยังไม่ได้ประกาศควบคุมพืชกระท่อมตามอนุสัญญาฯ ระหว่างประเทศ แต่ได้ขอให้ประเทศสมาชิกเฝ้าระวัง และติดตามสถานการณ์การใช้พืชกระท่อมในประเทศของตนเอง ซึ่งจากข้อมูลพบว่า มีหลายประเทศที่ควบคุมการใช้พืชกระท่อม เช่น ออสเตรเลีย พม่า มาเลเซีย เป็นต้น ส่วนประเทศเดนมาร์ก ลัตเวีย ลิทัวเนีย โปแลนด์ โรมาเนีย และสวีเดนนั้นมีการควบคุมพืชกระท่อม และสารไมทราไจนีน (Mitragynine) และเซเวนไฮดรอกซี่ไมทราไจนีน (7-Hydroxymitragynine) ด้วย
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากช่วงที่ผ่านมา มีแพทย์และนักวิจัยหลายฝ่ายเห็นว่าพืชกระท่อมมีสรรพคุณทางยา มีฤทธิ์ช่วยลดความเจ็บปวดเลย จึงขอให้มีการแก้ไข ดังนั้น อย.ได้พิจารณาและจะเสนอให้มีการแก้ไขกฎหมายดังกล่าว เพื่อให้สามารถนำพืชกระท่อมมาใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ได้ ทั้งการศึกษาวิจัยทางการแพทย์ และเพื่อประโยชน์ในการรักษาโรค โดยมีการปรับแก้ถ้อยคำมาเป็น “ห้ามมิให้ผู้ใดเสพพืชกระท่อม เว้นแต่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข จะประกาศกำหนดตำรับยาที่ให้เสพ เพื่อการรักษาโรคตามคำสั่งของผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมผู้ประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทยสาขาเวชกรรมไทยหรือผู้ประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทยประยุกต์”
ขณะนี้กำลังดำเนินการอย่างรอบคอบ โดยจะพิจารณาผลกระทบทางด้านสาธารณสุขและสังคม เนื่องจากยังมีปัญหาการเสพพืชกระท่อมแพร่ระบาดในหมู่วัยรุ่น
นพ.วันชัย กล่าวอีกว่า ปัจจุบันสหประชาชาติยังไม่ได้ประกาศควบคุมพืชกระท่อมตามอนุสัญญาฯ ระหว่างประเทศ แต่ได้ขอให้ประเทศสมาชิกเฝ้าระวัง และติดตามสถานการณ์การใช้พืชกระท่อมในประเทศของตนเอง ซึ่งจากข้อมูลพบว่า มีหลายประเทศที่ควบคุมการใช้พืชกระท่อม เช่น ออสเตรเลีย พม่า มาเลเซีย เป็นต้น ส่วนประเทศเดนมาร์ก ลัตเวีย ลิทัวเนีย โปแลนด์ โรมาเนีย และสวีเดนนั้นมีการควบคุมพืชกระท่อม และสารไมทราไจนีน (Mitragynine) และเซเวนไฮดรอกซี่ไมทราไจนีน (7-Hydroxymitragynine) ด้วย