สำหรับบรรยากาศที่ศาลาสหทัยสมาคม ในพระบรมมหาราชวัง สำนักพระราชวังเปิดให้ประชาชนร่วมถวายสักการะเบื้องหน้าพระฉายาลักษณ์และลงนามในสมุดหลวงแสดงความอาลัยพระบาทสมเด็จพระพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ ต่อเนื่องเป็นวันที่เจ็ด มีพสกนิกรจากทั่วทุกสารทิศเดินทางมาเฝ้ารอเพื่อที่จะได้เข้าแสดงความอาลัยตั้งแต่หกโมงเช้า กระทั่งเสร็จพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินออกจากพระบรมมหาราชวัง เวลา 08.05 เจ้าหน้าที่จึงจัดแถวตอนให้ประชาชนทยอยเดินเรียงแถวเข้าลงนามแสดงความอาลัยบนศาลาสหทัยสมาคม โดยมี รด.จิตอาสา และลูกเสือ เนตรนารี จากโรงเรียนต่าง ๆ ในกรุงเทพมหานครนำผู้สูงอายุและผู้พิการที่ต้องใช้รถเข็น ได้เข้าลงนามก่อน
นางหนูเกน อันเฟลิงค์ อายุ 44 ปี จาก จ.กาฬสินธุ์ เดินทางมาพร้อมนายบรัม อันเฟลิงค์ สามีชาวเนเธอร์แลนด์ เปิดเผยว่า เดินทางมาพักกรุงเทพฯ ตั้งแต่เมื่อคืนก่อน เดินทางมาตั้งแต่หกโมงเช้า ทันทีที่ทราบข่าวว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 สวรรคต รู้สึกเสียใจมาก พระองค์ทรงเป็นพ่อหลวงที่ดีของชาวไทย ตัวเองอยู่ จ.กาฬสินธุ์ ได้รับการพัฒนาชีวิตให้ดีขึ้นจากการส่งเสริมอาชีพในโครงการส่งเสริมศิลปาชีพ ในสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ มีรายได้จากการทอผ้าไหมแพรวาเพิ่มเติมจากการทำไร่ทำนาเพียงอย่างเดียว นอกจากนี้ น้องสาวที่ป่วยยังได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระปรมิทรมหาภูมิพลอดุลยเดชรับเป็นคนไข้ในพระบรมราชานุเคราะห์ จนปัจจุบันได้รับการรักษาให้มีสุขภาพดีขึ้น
"คิดว่าครั้งหนึ่งในชีวิตอยากมาถวายความจงรักภักดีต่อพระเจ้าอยู่หัว เพราะพระองค์ทรงทำเพื่อลูกหลานมามากมายเหลือเกิน ตัวเองตั้งใจว่าตะตั้งตัวเป็นคนดี เดินตามโครงการต่าง ๆ ที่ทรงตั้งไว้ให้ ที่ผ่านมาก็ใช้ชีวิตแบบเศรษฐกิจพอเพียง ทำไร่ ทำนา เลี้ยงไก่ เลี้ยงปลาอยู่ที่กาฬสินธุ์ แบ่งไว้กินบ้าง ขายบ้าง ไม่ค่อยได้ซื้อของฟุ่มเฟือยมาใช้ ด้านสามีที่เพิ่งมาอยู่ประเทศไทยได้เพียง 4 ปี ก็รู้จักในหลวง และเข้าใจดีว่าพวกเราชาวไทยกำลังเผชิญกับความสูญเสียอันยิ่งใหญ่ จึงอยากมาร่วมถวายความอาลัยและรู้สึกเสียใจกับชาวไทยด้วย"
นางหนูเกน อันเฟลิงค์ อายุ 44 ปี จาก จ.กาฬสินธุ์ เดินทางมาพร้อมนายบรัม อันเฟลิงค์ สามีชาวเนเธอร์แลนด์ เปิดเผยว่า เดินทางมาพักกรุงเทพฯ ตั้งแต่เมื่อคืนก่อน เดินทางมาตั้งแต่หกโมงเช้า ทันทีที่ทราบข่าวว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 สวรรคต รู้สึกเสียใจมาก พระองค์ทรงเป็นพ่อหลวงที่ดีของชาวไทย ตัวเองอยู่ จ.กาฬสินธุ์ ได้รับการพัฒนาชีวิตให้ดีขึ้นจากการส่งเสริมอาชีพในโครงการส่งเสริมศิลปาชีพ ในสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ มีรายได้จากการทอผ้าไหมแพรวาเพิ่มเติมจากการทำไร่ทำนาเพียงอย่างเดียว นอกจากนี้ น้องสาวที่ป่วยยังได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระปรมิทรมหาภูมิพลอดุลยเดชรับเป็นคนไข้ในพระบรมราชานุเคราะห์ จนปัจจุบันได้รับการรักษาให้มีสุขภาพดีขึ้น
"คิดว่าครั้งหนึ่งในชีวิตอยากมาถวายความจงรักภักดีต่อพระเจ้าอยู่หัว เพราะพระองค์ทรงทำเพื่อลูกหลานมามากมายเหลือเกิน ตัวเองตั้งใจว่าตะตั้งตัวเป็นคนดี เดินตามโครงการต่าง ๆ ที่ทรงตั้งไว้ให้ ที่ผ่านมาก็ใช้ชีวิตแบบเศรษฐกิจพอเพียง ทำไร่ ทำนา เลี้ยงไก่ เลี้ยงปลาอยู่ที่กาฬสินธุ์ แบ่งไว้กินบ้าง ขายบ้าง ไม่ค่อยได้ซื้อของฟุ่มเฟือยมาใช้ ด้านสามีที่เพิ่งมาอยู่ประเทศไทยได้เพียง 4 ปี ก็รู้จักในหลวง และเข้าใจดีว่าพวกเราชาวไทยกำลังเผชิญกับความสูญเสียอันยิ่งใหญ่ จึงอยากมาร่วมถวายความอาลัยและรู้สึกเสียใจกับชาวไทยด้วย"