นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยมูลค่าการส่งออกของไทยเดือนสิงหาคม 2559 พบว่า มีมูลค่า 18,825 ล้านดอลลาร์สหรัฐ กลับมาขยายตัวเป็นบวกครั้งแรกในรอบ 5 เดือน โดยขยายตัวร้อยละ 6.5 หรือขยายตัวสูงสุดในรอบ 6 เดือน จากการส่งออกที่เพิ่มขึ้นเกือบทุกตลาด โดยเฉพาะตลาดหลักขยายตัวถึงร้อยละ 30.7 ญี่ปุ่นขยายตัวร้อยละ 9 สหรัฐอเมริกาขยายตัวร้อยละ 11.9 และสหภาพยุโรป (อียู) ขยายตัวร้อยละ 9.7 มีเพียงตลาดตะวันออกกลางที่ติดลบร้อยละ 2.3 รวมทั้งการส่งออกรถยนต์และส่วนประกอบ ซึ่งมีสัดส่วนถึงร้อยละ 12.4 ของการส่งออกทั้งหมดกลับมาขยายตัวร้อยละ 6.7 และผลิตภัณฑ์ยางที่ขยายตัวร้อยละ 11 รวมทั้งเหล็กกล้า และผลิตภัณฑ์ขยายตัวถึงร้อยละ 44.5
ทั้งนี้ ในระยะ 8 เดือนแรกปีนี้มีมูลค่าส่งออกรวม 141,007 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ยังคงติดลบร้อยละ 1.19 หากเปรียบเทียบกับสถานการณ์การส่งออกของโลกประเทศไทยขยับขึ้นมาอยู่ที่ใหญ่อันดับ 11 ของโลก จากเดิมอันดับที่ 13 รวมทั้งยังรักษาส่วนแบ่งตลาดได้เกือบทุกตลาด ทำให้เชื่อมั่นว่าการส่งออกของไทยช่วงที่เหลือของปีจะปรับตัวในทิศทางดีขึ้น เนื่องจากแนวโน้มการทรงตัวของราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกเฉลี่ยปีนี้ยังสูงกว่าปีที่ผ่านมา ประกอบกับราคาสินค้าเกษตรมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น และยังมีความต้องการเพิ่มขึ้นในช่วงปลายปี โดยคาดว่าการส่งออกทั้งปีจะอยู่ในกรอบเป็นบวกร้อยละ 2 หรือติดลบไม่เกินร้อยละ 1 หากช่วง 4 เดือนที่เหลือมีมูลค่าการส่งออกเฉลี่ยเดือนละ 19,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ภาพรวมการส่งออกปีนี้จะขยายตัวเป็นบวก แต่ยังต้องติดตามปัจจัยเสี่ยงจากความผันผวนของเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะการออกมาตรการคิวอีและมาตรการทางการเงินของประเทศต่างๆ ที่อาจจะส่งผลต่อราคาน้ำมัน และอัตราแลกเปลี่ยน
ทั้งนี้ ในระยะ 8 เดือนแรกปีนี้มีมูลค่าส่งออกรวม 141,007 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ยังคงติดลบร้อยละ 1.19 หากเปรียบเทียบกับสถานการณ์การส่งออกของโลกประเทศไทยขยับขึ้นมาอยู่ที่ใหญ่อันดับ 11 ของโลก จากเดิมอันดับที่ 13 รวมทั้งยังรักษาส่วนแบ่งตลาดได้เกือบทุกตลาด ทำให้เชื่อมั่นว่าการส่งออกของไทยช่วงที่เหลือของปีจะปรับตัวในทิศทางดีขึ้น เนื่องจากแนวโน้มการทรงตัวของราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกเฉลี่ยปีนี้ยังสูงกว่าปีที่ผ่านมา ประกอบกับราคาสินค้าเกษตรมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น และยังมีความต้องการเพิ่มขึ้นในช่วงปลายปี โดยคาดว่าการส่งออกทั้งปีจะอยู่ในกรอบเป็นบวกร้อยละ 2 หรือติดลบไม่เกินร้อยละ 1 หากช่วง 4 เดือนที่เหลือมีมูลค่าการส่งออกเฉลี่ยเดือนละ 19,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ภาพรวมการส่งออกปีนี้จะขยายตัวเป็นบวก แต่ยังต้องติดตามปัจจัยเสี่ยงจากความผันผวนของเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะการออกมาตรการคิวอีและมาตรการทางการเงินของประเทศต่างๆ ที่อาจจะส่งผลต่อราคาน้ำมัน และอัตราแลกเปลี่ยน
