นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวในการเป็นประธานพิธีเปิด เสวนาพิเศษในหัวข้อ "พ.ร.บ.หลักประกันทางธุรกิจมิติใหม่ของ SMEs ไทย" จัดโดยสมาคมนักประเมินราคาอิสระไทยร่วมกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ว่า พ.ร.บ.หลักประกันทางธุรกิจให้ความสำคัญรับการประเมินคุณค่าของทรัพย์สินทางปัญญาที่สามารถส่งผลให้ SMEs และสตาร์ทอัพเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่ายขึ้น เนื่องจากประเทศไทยมี SMEs ทั้งหมดประมาณ 2.8 ล้านราย และกว่าร้อยละ 70 ของทั้งหมด ยังประสบปัญหาในการเข้าถึงแหล่งเงินทุน โดยไม่สามารถนำหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจอย่างอื่นมาเป็นหลักประกันการกู้ยืมจากสถาบันการเงินได้ ดังนั้น พ.ร.บ.ฉบับนี้จึงเป็นการปลดล็อกข้อจำกัดในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนของ SMEs ทั้งนี้ หลังจากที่ พ.ร.บ.หลักประกันทางธุรกิจมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม 2559 ที่ผ่านมา มีกลุ่มผู้ประกอบการ SMEs และ สตาร์ทอัพแจ้งความจำนงยื่นกู้ตาม พ.ร.บ.แล้ว 68,000 ราย วงเงินกู้กว่า 525,000 ล้านบาท
ด้านนายไพรัช มณฑาพันธุ์ นายกสมาคมนักประเมินราคาอิสระไทย กล่าวว่า พ.ร.บ.ฉบับนี้มีความโดดเด่นในการประเมินทรัพย์สินทางปัญญา และค่าลิขสิทธิ์ต่างๆ และสามารถกำหนดเป็นกรอบให้สถาบันการเงินใช้ในการอนุมัติวงเงินกู้ให้กับ SMEs และ Startup ที่มีแนวคิดใหม่ๆ สามารถพัฒนาธุรกิจของตนเองได้ โดยการสัมมนาในวันนี้จึงเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาร่วมกันให้ข้อมูลที่จำเป็นเกี่ยวกับสาระสำคัญ แนวทางการสนับสนุนกลุ่มผู้ประกอบการ แนวทางขั้นตอนการยื่นขอสินเชื่อกับสถาบันการเงิน แนวทางกำกับดูแลสถาบันการเงินที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งรับทราบถึงความพร้อมขององค์กรต่างๆ และการดำเนินการบังคับคดีในอนาคต
ด้านนายไพรัช มณฑาพันธุ์ นายกสมาคมนักประเมินราคาอิสระไทย กล่าวว่า พ.ร.บ.ฉบับนี้มีความโดดเด่นในการประเมินทรัพย์สินทางปัญญา และค่าลิขสิทธิ์ต่างๆ และสามารถกำหนดเป็นกรอบให้สถาบันการเงินใช้ในการอนุมัติวงเงินกู้ให้กับ SMEs และ Startup ที่มีแนวคิดใหม่ๆ สามารถพัฒนาธุรกิจของตนเองได้ โดยการสัมมนาในวันนี้จึงเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาร่วมกันให้ข้อมูลที่จำเป็นเกี่ยวกับสาระสำคัญ แนวทางการสนับสนุนกลุ่มผู้ประกอบการ แนวทางขั้นตอนการยื่นขอสินเชื่อกับสถาบันการเงิน แนวทางกำกับดูแลสถาบันการเงินที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งรับทราบถึงความพร้อมขององค์กรต่างๆ และการดำเนินการบังคับคดีในอนาคต