พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ในฐานะประธานศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอตช.) กล่าวถึงกรณีนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ระบุรัฐบาลเตรียมเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) พิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.)ว่าด้วยการขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนตัวกับประโยชน์ส่วนรวม หรือที่เรียกว่า “กฎหมาย 7 ชั่วโคตร” ซึ่งมีการปรับลดโทษลงมาเหลือ 3-4 ชั่วโคตรว่า แนวความคิดร่างกฎหมายดังกล่าวมา มีมาตั้งแต่ปี 49-50 แต่ขณะนั้นมีการวิพากษ์วิจารณ์กันถึงบทลงโทษที่ดูรุนแรงจนเกินไป ที่ย้อนไปถึง 7 ชั่วโคตร โดยเรื่องนี้ต้องมาคุยกัน ส่วนประเด็นเนื้อหาของร่างกฎหมายไม่มีปัญหา
นอกจากนี้ ส่วนตัวตนเห็นด้วยกับกฎหมายนี้ แต่สุดท้ายแล้วกฎหมายก็เป็นเพียงตัวหนังสือ ทั้งหมดอยู่ที่เจ้าหน้าที่ องค์กร ซึ่งหลังมีข่าวนี้ออกมา เริ่มมีการพูดกันบ้างแล้วที่จะใช้นอมินี เพื่อหลีกเลี่ยงกฎหมายนี้
พล.อ.ไพบูลย์ กล่าวต่อว่า ขณะนี้ตนได้ลงนามเสนอบัญชีรายชื่อข้าราชการ และเจ้าหน้าที่รัฐที่อยู่ระหว่างการถูกตรวจสอบเพิ่มเติม ครั้งที่ 8 ส่งถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เพื่อตรวจสอบเรียบร้อยแล้ว โดยมีรายชื่อประมาณ 20-30 คน ส่วนใหญ่เป็นข้าราชการท้องถิ่นที่พัวพันการทุจริตที่จะถูกตรวจสอบ ซึ่งไม่มีรายชื่อผู้บริหารระดับสูงของ กทม.ในคดีโครงการไฟประดับตกแต่ง กทม.รวมอยู่ด้วย แต่อาจอยู่ในขั้นการตรวจสอบของเลขานุการ ศอตช.
นอกจากนี้ ส่วนตัวตนเห็นด้วยกับกฎหมายนี้ แต่สุดท้ายแล้วกฎหมายก็เป็นเพียงตัวหนังสือ ทั้งหมดอยู่ที่เจ้าหน้าที่ องค์กร ซึ่งหลังมีข่าวนี้ออกมา เริ่มมีการพูดกันบ้างแล้วที่จะใช้นอมินี เพื่อหลีกเลี่ยงกฎหมายนี้
พล.อ.ไพบูลย์ กล่าวต่อว่า ขณะนี้ตนได้ลงนามเสนอบัญชีรายชื่อข้าราชการ และเจ้าหน้าที่รัฐที่อยู่ระหว่างการถูกตรวจสอบเพิ่มเติม ครั้งที่ 8 ส่งถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เพื่อตรวจสอบเรียบร้อยแล้ว โดยมีรายชื่อประมาณ 20-30 คน ส่วนใหญ่เป็นข้าราชการท้องถิ่นที่พัวพันการทุจริตที่จะถูกตรวจสอบ ซึ่งไม่มีรายชื่อผู้บริหารระดับสูงของ กทม.ในคดีโครงการไฟประดับตกแต่ง กทม.รวมอยู่ด้วย แต่อาจอยู่ในขั้นการตรวจสอบของเลขานุการ ศอตช.