ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (31 ส.ค.) หลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI ร่วงลงกว่า 3% ซึ่งได้ฉุดหุ้นกลุ่มพลังงานดิ่งลงด้วย นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากการคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในระยะใกล้นี้ หลังจากออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (ADP) เปิดเผยว่า การจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐเพิ่มขึ้นมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 18,400.88 จุด ลดลง 53.42 จุด หรือ -0.29% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,213.22 จุด ลดลง 9.77 จุด หรือ -0.19% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,170.95 จุด ลดลง 5.17 จุด หรือ -0.24%
ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดตลาดอ่อนแรงลง หลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI ดิ่งลงไปกว่า 3% อันเนื่องมาจากรายงานของสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ที่ระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบพุ่งขึ้นมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ในสัปดาห์ที่ผ่านมา
การร่วงลงของราคาน้ำมันดิบได้ฉุดหุ้นกลุ่มพลังงานดิ่งลงด้วย โดยหุ้นเอ็กซอน โมบิล ปรับตัวลง 0.5% หุ้นเชฟรอน ร่วงลง 1.1% หุ้นชลัมเบอร์เกอร์ ดิ่งลง 2.1%
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากการคาดการณ์ที่ว่า เฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในระยะใกล้นี้ หลังจาก ADP เปิดเผยว่า การจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐประจำเดือนส.ค.เพิ่มขึ้น 177,000 ตำแหน่ง สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 175,000 ตำแหน่ง
ทั้งนี้ การเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐเดือนส.ค.ที่สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์นั้น ทำให้มีแนวโน้มว่าตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนส.ค.ที่รัฐบาลสหรัฐจะรายงานในวันพรุ่งนี้ อาจเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่ง และเป็นปัจจัยหนุนให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างเร็วที่สุดในเดือนหน้า
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (31 ส.ค.) หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์พุ่งขึ้นมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ ซึ่งข้อมูลดังกล่าวส่งผลให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะน้ำมันล้นตลาด
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค.ร่วงลง 1.65 ดอลลาร์ หรือ 3.6% ปิดที่ 44.70 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนต.ค.ลดลง 1.33 ดอลลาร์ หรือ 2.8% ปิดที่ 47.04 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบร่วงลงหลังจาก EIA รายงานว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐเพิ่มขึ้น 2.3 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 525.9 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่าสต็อกน้ำมันดิบจะเพิ่มขึ้นเพียง 900,000 บาร์เรล
นอกจากนี้ EIA ยังเปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันเบนซินลดลง 691,000 บาร์เรล เทียบกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะลดลง 1.2 ล้านบาร์เรล ขณะที่สต็อกน้ำมันกลั่น ซึ่งรวมถึงน้ำมันดีเซล และน้ำมัน heating oil เพิ่มขึ้น 1.5 ล้านบาร์เรล เทียบกับที่คาดว่าจะลดลง 157,000 บาร์เรล
ทางด้านสถาบันปิโตรเลียมอเมริกัน (API) เปิดเผยว่าสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐเพิ่มขึ้น 942,000 บาร์เรล สู่ระดับ 525.2 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว
นักลงทุนจับตากลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ซึ่งจะจัดการประชุมอย่างไม่เป็นทางการในวันที่ 26-28 ก.ย.นี้ นอกรอบการประชุมพลังงานระหว่างประเทศ (IEF) ที่แอลจีเรีย ซึ่งที่ประชุมจะหารือการตรึงกำลังการผลิต เพื่อรักษาเสถียรภาพของราคาน้ำมัน
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (31 ส.ค.) หลังจากออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (ADP) เปิดเผยว่า การจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐเพิ่มขึ้นมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ ซึ่งข้อมูลดังกล่าวได้เพิ่มน้ำหนักให้กับกระแสคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในระยะใกล้นี้
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.ร่วงลง 5.1 ดอลลาร์ หรือ 0.39% ปิดที่ระดับ 1,311.4 ดอลลาร์/ออนซ์
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 18,400.88 จุด ลดลง 53.42 จุด หรือ -0.29% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,213.22 จุด ลดลง 9.77 จุด หรือ -0.19% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,170.95 จุด ลดลง 5.17 จุด หรือ -0.24%
ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดตลาดอ่อนแรงลง หลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI ดิ่งลงไปกว่า 3% อันเนื่องมาจากรายงานของสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ที่ระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบพุ่งขึ้นมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ในสัปดาห์ที่ผ่านมา
การร่วงลงของราคาน้ำมันดิบได้ฉุดหุ้นกลุ่มพลังงานดิ่งลงด้วย โดยหุ้นเอ็กซอน โมบิล ปรับตัวลง 0.5% หุ้นเชฟรอน ร่วงลง 1.1% หุ้นชลัมเบอร์เกอร์ ดิ่งลง 2.1%
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากการคาดการณ์ที่ว่า เฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในระยะใกล้นี้ หลังจาก ADP เปิดเผยว่า การจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐประจำเดือนส.ค.เพิ่มขึ้น 177,000 ตำแหน่ง สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 175,000 ตำแหน่ง
ทั้งนี้ การเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐเดือนส.ค.ที่สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์นั้น ทำให้มีแนวโน้มว่าตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนส.ค.ที่รัฐบาลสหรัฐจะรายงานในวันพรุ่งนี้ อาจเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่ง และเป็นปัจจัยหนุนให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างเร็วที่สุดในเดือนหน้า
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (31 ส.ค.) หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์พุ่งขึ้นมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ ซึ่งข้อมูลดังกล่าวส่งผลให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะน้ำมันล้นตลาด
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค.ร่วงลง 1.65 ดอลลาร์ หรือ 3.6% ปิดที่ 44.70 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนต.ค.ลดลง 1.33 ดอลลาร์ หรือ 2.8% ปิดที่ 47.04 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบร่วงลงหลังจาก EIA รายงานว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐเพิ่มขึ้น 2.3 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 525.9 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่าสต็อกน้ำมันดิบจะเพิ่มขึ้นเพียง 900,000 บาร์เรล
นอกจากนี้ EIA ยังเปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันเบนซินลดลง 691,000 บาร์เรล เทียบกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะลดลง 1.2 ล้านบาร์เรล ขณะที่สต็อกน้ำมันกลั่น ซึ่งรวมถึงน้ำมันดีเซล และน้ำมัน heating oil เพิ่มขึ้น 1.5 ล้านบาร์เรล เทียบกับที่คาดว่าจะลดลง 157,000 บาร์เรล
ทางด้านสถาบันปิโตรเลียมอเมริกัน (API) เปิดเผยว่าสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐเพิ่มขึ้น 942,000 บาร์เรล สู่ระดับ 525.2 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว
นักลงทุนจับตากลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ซึ่งจะจัดการประชุมอย่างไม่เป็นทางการในวันที่ 26-28 ก.ย.นี้ นอกรอบการประชุมพลังงานระหว่างประเทศ (IEF) ที่แอลจีเรีย ซึ่งที่ประชุมจะหารือการตรึงกำลังการผลิต เพื่อรักษาเสถียรภาพของราคาน้ำมัน
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (31 ส.ค.) หลังจากออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (ADP) เปิดเผยว่า การจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐเพิ่มขึ้นมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ ซึ่งข้อมูลดังกล่าวได้เพิ่มน้ำหนักให้กับกระแสคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในระยะใกล้นี้
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.ร่วงลง 5.1 ดอลลาร์ หรือ 0.39% ปิดที่ระดับ 1,311.4 ดอลลาร์/ออนซ์