นายดำรงค์ ไสยะ ผู้ช่วยผู้อำนวยการโรงไฟฟ้าจะนะ เปิดเผยว่า จากการที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิต (กฟผ.) กำหนดหยุดจ่ายก๊าซฯจากแหล่งพัฒนาร่วมไทย-มาเลเซีย (JDA-A18) ในวันที่ 20-31 สิงหาคมนี้ รวมระยะเวลา 12 วัน ซึ่งเป็นแผนประจำปีเพื่อบำรุงรักษานั้น มีผลให้โรงไฟฟ้าจะนะชุดที่ 2 ไม่สามารถเดินเครื่องได้ รวมทั้งต้องมีการเปลี่ยนการใช้เชื้อเพลิงสำหรับเดินเครื่องโรงไฟฟ้าจะนะชุดที่ 1 จากก๊าซธรรมชาติ เป็นน้ำมันดีเซล กฟผ.ซึ่งขณะนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีมาตรการและแผนการรองรับในทุกด้านแล้ว ทั้งด้านระบบผลิตไฟฟ้า ระบบส่ง และเชื้อเพลิง พร้อมขอความร่วมมือพี่น้องประชาชน ตลอดถึงบริษัทอุตสาหกรรมในพื้นที่ให้ลดการใช้พลังงานไฟฟ้า โดยเฉพาะในช่วงการหยุดจ่ายก๊าซธรรมชาติดังกล่าว เพื่อเสริมความมั่นคงในระบบไฟฟ้าได้อีกทางหนึ่ง
สำหรับมาตรการรองรับของ กฟผ. ด้านระบบผลิตไฟฟ้า โดยโรงไฟฟ้าจะนะชุดที่ 1 พร้อมเดินเครื่องด้วยน้ำมันดีเซล ซึ่ง กฟผ. ได้ทดสอบเรียบร้อยแล้ว รวมทั้งยังได้ตรวจสอบโรงไฟฟ้าภาคใต้ทั้งหมดให้พร้อมใช้งาน งดการหยุดเครื่องบำรุงรักษาโรงไฟฟ้าภาคใต้ในช่วงหยุดจ่ายก๊าซฯ และประสานการไฟฟ้ามาเลเซียขอซื้อไฟฟ้าในกรณีฉุกเฉิน ส่วนด้านระบบส่ง ได้ทำการตรวจสอบสายส่งและอุปกรณ์สำคัญในภาคใต้ให้พร้อมใช้งานก่อนเริ่มหยุดจ่ายก๊าซฯ และหยุดการบำรุงรักษาระบบส่งภาคใต้ช่วงหยุดจ่ายก๊าซฯ ส่วนด้านเชื้อเพลิง ได้สำรองน้ำมันให้เพียงพอเต็มความสามารถจัดเก็บก่อนเริ่มหยุดจ่ายก๊าซฯ ที่สำคัญ คือ ได้เตรียมทีมงานติดตามสถานการณ์ ประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด ตลอดจนมีแผนสำรองพร้อมเข้าแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินได้ทันที โดยคาดการณ์ความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุดของภาคใต้ในช่วงหยุดจ่ายก๊าซฯไว้ที่ประมาณ 2,500 เมกะวัตต์ โดยมีความพร้อมด้านกำลังผลิตโรงไฟฟ้าในภาคใต้กส่า 2,400 เมกะวัตต์ ในส่วนที่เหลือรับไฟฟ้าจากภาคกลางผ่านสายส่งเชื่อมโยงภาคกลาง-ภาคใต้
สำหรับการทำงานหยุดบำรุงรักษาแหล่งพัฒนาร่วมไทย-มาเลเซีย (JDA-A18) ดำเนินการเป็นประจำทุกปี เพื่อให้ระบบไฟฟ้าภาคใต้ยังคงมีความเพียงพอและมั่นคง อย่างไรก็ตาม กฟผ.ได้เตรียมพร้อมรองรับสถานการณ์การหยุดจ่ายก๊าซธรรมชาติ JDA-A18 ไว้ทุกด้าน เพื่อให้มั่นใจว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อประชาชนผู้ใช้ไฟฟ้าในภาคใต้ พร้อมขอความร่วมมือจากทุกภาคส่วนช่วยกันประหยัดพลังงาน ในช่วงเวลาที่มีความต้องการใช้ไฟฟ้าสูง คือ ตั้งแต่เวลา 18.00-21.30 น. ตามมาตรการ "ปิดไฟ ปรับแอร์ ปลดปลั๊ก เปลี่ยนอุปกรณ์" เพื่อร่วมประหยัดพลังงานในห้วงดังกล่าวอีกทางหนึ่งด้วย
สำหรับมาตรการรองรับของ กฟผ. ด้านระบบผลิตไฟฟ้า โดยโรงไฟฟ้าจะนะชุดที่ 1 พร้อมเดินเครื่องด้วยน้ำมันดีเซล ซึ่ง กฟผ. ได้ทดสอบเรียบร้อยแล้ว รวมทั้งยังได้ตรวจสอบโรงไฟฟ้าภาคใต้ทั้งหมดให้พร้อมใช้งาน งดการหยุดเครื่องบำรุงรักษาโรงไฟฟ้าภาคใต้ในช่วงหยุดจ่ายก๊าซฯ และประสานการไฟฟ้ามาเลเซียขอซื้อไฟฟ้าในกรณีฉุกเฉิน ส่วนด้านระบบส่ง ได้ทำการตรวจสอบสายส่งและอุปกรณ์สำคัญในภาคใต้ให้พร้อมใช้งานก่อนเริ่มหยุดจ่ายก๊าซฯ และหยุดการบำรุงรักษาระบบส่งภาคใต้ช่วงหยุดจ่ายก๊าซฯ ส่วนด้านเชื้อเพลิง ได้สำรองน้ำมันให้เพียงพอเต็มความสามารถจัดเก็บก่อนเริ่มหยุดจ่ายก๊าซฯ ที่สำคัญ คือ ได้เตรียมทีมงานติดตามสถานการณ์ ประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด ตลอดจนมีแผนสำรองพร้อมเข้าแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินได้ทันที โดยคาดการณ์ความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุดของภาคใต้ในช่วงหยุดจ่ายก๊าซฯไว้ที่ประมาณ 2,500 เมกะวัตต์ โดยมีความพร้อมด้านกำลังผลิตโรงไฟฟ้าในภาคใต้กส่า 2,400 เมกะวัตต์ ในส่วนที่เหลือรับไฟฟ้าจากภาคกลางผ่านสายส่งเชื่อมโยงภาคกลาง-ภาคใต้
สำหรับการทำงานหยุดบำรุงรักษาแหล่งพัฒนาร่วมไทย-มาเลเซีย (JDA-A18) ดำเนินการเป็นประจำทุกปี เพื่อให้ระบบไฟฟ้าภาคใต้ยังคงมีความเพียงพอและมั่นคง อย่างไรก็ตาม กฟผ.ได้เตรียมพร้อมรองรับสถานการณ์การหยุดจ่ายก๊าซธรรมชาติ JDA-A18 ไว้ทุกด้าน เพื่อให้มั่นใจว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อประชาชนผู้ใช้ไฟฟ้าในภาคใต้ พร้อมขอความร่วมมือจากทุกภาคส่วนช่วยกันประหยัดพลังงาน ในช่วงเวลาที่มีความต้องการใช้ไฟฟ้าสูง คือ ตั้งแต่เวลา 18.00-21.30 น. ตามมาตรการ "ปิดไฟ ปรับแอร์ ปลดปลั๊ก เปลี่ยนอุปกรณ์" เพื่อร่วมประหยัดพลังงานในห้วงดังกล่าวอีกทางหนึ่งด้วย