"ยิ่งลักษณ์" ให้สัมภาษณ์สื่อต่างประเทศในวันจันทร์(8ส.ค.) ระบุชัยชนะในศึกประชามติรัฐธรรมนูญใหม่ของเหล่านายพลคณะผู้ปกครองของไทย คือ "ย่างก้าวที่ถ้อยหลัง" ของประเทศ พร้อมโวยการโหวตไม่เป็นไปตามมาตรฐานสากล
เอเอฟพีระบุว่าการที่เสียงส่วนใหญ่โหวต "yes" สนับสนุนร่างรัฐธรรมนูญ เป็นตัวทดสอบความคิดเห็นของประชาชนครั้งแรกนับตั้งแต่เหตุรัฐประหารเมื่อปี 2014 แม้ว่าช่วงก่อนถึงวันลงประชามตินั้น การรณรงค์หาเสียงอย่างอิสระและการดีเบตอย่างเปิดเผยจะเต็มไปด้วยข้อจำกัดต่างๆ
ผลประชามติอย่างไม่เป็นทางการที่เผยแพร่โดยคณะกรรมการเลือกตั้ง พบว่าผู้มีสิทธิ์ออกเสียงร้อยละ 61.4 สนับสนุนร่างรัฐธรรมนูญ ส่วนที่ไม่เห็นชอบมี 38.6 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่จำนวนผู้ออกมาใช้สิทธิ์มีไม่มากนัก ราว 55 เปอร์เซ็นต์
อย่างไรก็ตามเอเอฟพีระบุว่านั่นก็เพียงพอที่จะก่อความผิดหวังใหญ่หลวงแก่ขบวนการนิยมประชาธิปไตยของประเทศ ที่ต้องเผชิญกับรัฐประหารมาแล้ว 2 ครั้งนับตั้งแต่ปี 2006
"ด้วยรัฐธรรมนูญใหม่นี้ ประเทศได้ก้าวถอยหลังและถอยห่างจากเส้นทางประชาธิปไตย" ยิ่งลักษณ์บอกกับเอเอฟพี "การโหวตไม่เป็นไปตามมาตรฐานสากล เพราะว่ามันไม่อิสระและไม่ยุติธรรม"
เอเอฟพีระบุว่าการที่เสียงส่วนใหญ่โหวต "yes" สนับสนุนร่างรัฐธรรมนูญ เป็นตัวทดสอบความคิดเห็นของประชาชนครั้งแรกนับตั้งแต่เหตุรัฐประหารเมื่อปี 2014 แม้ว่าช่วงก่อนถึงวันลงประชามตินั้น การรณรงค์หาเสียงอย่างอิสระและการดีเบตอย่างเปิดเผยจะเต็มไปด้วยข้อจำกัดต่างๆ
ผลประชามติอย่างไม่เป็นทางการที่เผยแพร่โดยคณะกรรมการเลือกตั้ง พบว่าผู้มีสิทธิ์ออกเสียงร้อยละ 61.4 สนับสนุนร่างรัฐธรรมนูญ ส่วนที่ไม่เห็นชอบมี 38.6 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่จำนวนผู้ออกมาใช้สิทธิ์มีไม่มากนัก ราว 55 เปอร์เซ็นต์
อย่างไรก็ตามเอเอฟพีระบุว่านั่นก็เพียงพอที่จะก่อความผิดหวังใหญ่หลวงแก่ขบวนการนิยมประชาธิปไตยของประเทศ ที่ต้องเผชิญกับรัฐประหารมาแล้ว 2 ครั้งนับตั้งแต่ปี 2006
"ด้วยรัฐธรรมนูญใหม่นี้ ประเทศได้ก้าวถอยหลังและถอยห่างจากเส้นทางประชาธิปไตย" ยิ่งลักษณ์บอกกับเอเอฟพี "การโหวตไม่เป็นไปตามมาตรฐานสากล เพราะว่ามันไม่อิสระและไม่ยุติธรรม"