บล.เคทีบี ยอมรับผลประชามติฯ ส่งผลบวกต่อตลาดหุ้นสัปดาห์นี้ แนะจับตาปัจจัยต่างประเทศเรื่องสภาพคล่องตลาดหุ้นทั่วโลก และกำไรของ บจ. ซึ่งจะเริ่มฟื้น และดีขึ้นในปี 60 เนื่องจากธนาคารกลางหลักหลายประเทศเข็นใช้นโยบายทางการเงิน พร้อมมองกรอบดัชนี 1,510 - 1,566 จุด
นายวิน อุดมรัชตวนิชย์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด หรือ KTBST เปิดเผยว่า หลังจากผลการลงประชามติรับร่างรัฐธรรมนูญออกมาแล้ว มองว่าน่าจะทำให้ตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้เป็นผลบวกต่อทั้งนักลงทุนสถาบันในประเทศและนักลงทุนบุคคลทั่วไปในประเทศ แต่หลังจากการลงประชามติเพื่อเข้าสู่ขั้นตอนการเลือกตั้งแล้ว จากนี้ไป 1 ปี
สำหรับปัจจัยที่ยังต้องจับตามอง คือ เรื่องสภาพคล่องของตลาดหุ้นทั่วโลกและนโยบายของธนาคารกลางในประเทศต่างๆ ทั่วโลก รวมทั้งผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนทั่วโลก ซึ่งในส่วนของประเทศไทยในช่วง 2 ปีที่ผ่านมากำไรของบริษัทจดทะเบียนลดลงมาค่อนข้างมาก จากผลประกอบในกลุ่มเทเลคอมและธนาคารพาณิชย์
แต่โดยรวมแล้ว เศรษฐกิจไทยไม่ได้มีอะไรแย่มาก และจากการที่ธนาคารกลางในประเทศใหญ่ๆ มีการดำเนินนโยบายการเงินออกมา ดังนั้น โดยรวมทิศทางเศรษฐกิจโลกน่าจะดีขึ้นในปีนี้ และทำให้ปี 2560 ผลกำไรของบริษัทจดทะเบียนทั่วโลกน่าจะดีขึ้น
ส่วนปัจจัยช่วงครึ่งหลังปีนี้ที่ต้องติดตาม คือ เศรษฐกิจยุโรปการที่อังกฤษออกจากการเป็นสมาชิกของสหภาพยุโรป (อียู) ซึ่งจะมีผลกระทบต่อความเชื่อมั่นในการลงทุนได้ คาดว่าดัชนีสัปดาห์นี้ที่จะมีการซื้อขายเพียง 4 วันทำการจะแกว่งในกรอบ 1,510 - 1,566 จุด
สำหรับกลยุทธ์การลงทุน เนื่องด้วยผลการลงประชามติที่ออกมาดีจะทำให้มีแรงซื้อของนักลงทุนต่างประเทศและนักลงทุนที่ชะลอการลงทุนไปก่อนหน้านี้ หากดัชนีฯ หรือราคาหุ้นวันจันทร์นี้ปรับตัวขึ้นไปไม่แรงจะเป็นจังหวะของการซื้อหุ้นขนาดใหญ่ของแต่ละกลุ่มหรือรอซื้อเมื่ออ่อนตัว
นอกจากนี้ หุ้นกลุ่มที่ยังคงมีทิศทางที่สดใสจะเป็นหุ้นที่เป็นได้ประโยชน์จากการลงทุนภาครัฐ กลุ่มรับเหมาฯ และธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง หุ้นที่มีฐานรายได้ในเขตภูมิภาค และหุ้นที่อิงกับการจับจ่ายใช้สอยของประชาชน