รายงานข่าวแจ้งว่า วันนี้(5 ส.ค.) ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะขึ้นไต่สวนพยานจำเลยปากแรก ในคดีหมายเลขดำที่ อม.22/2558 ที่อัยการสูงสุดเป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นจำเลย ในความผิดฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบฯ และเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่ หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบฯ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 กรณีละเลยไม่ดำเนินการระงับยับยั้งโครงการรับจำนำข้าว ซึ่งทำให้รัฐเสียหายกว่า 5 แสนล้านบาท
นายนรวิชญ์ หล้าแหล่ง ทนายความ น.ส.ยิ่งลักษณ์ เปิดเผยถึงการเตีรยมพร้อมว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์จะเดินทางไปศาลฎีกาฯ เพื่อไต่สวนพยานจำเลยด้วยตัวเองในฐานะพยานจำเลยปากแรก ซึ่งมีการเตรียมความพร้อมแล้ว และก่อนที่จะมีการไต่สวนและตอบคำถามอัยการโจทก์นั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์จะขึ้นแถลงเปิดคดีด้วยตนเอง ซึ่งได้ขอเวลาศาลฎีกาในการแถลงคดีไว้ราว 1 ชั่วโมง และหลังจากนั้นจะเป็นการตอบคำถามอัยการโจทก์ ซึ่งได้เตรียมคำถามไว้ 100 กว่าคำถาม แต่ก็ไม่ทราบว่าศาลจะอนุญาตให้ถามได้กี่คำถาม ซึ่งหากดูจากคำถามที่มีปริมาณมากในการไต่สวนจำเลยพรุ่งนี้อาจจะต้องไต่สวนพยานทั้งช่วงเช้าและบ่าย ส่วนจะเสร็จในวันเดียวหรือไม่นั้น ต้องดูสถานการณ์ในวันพรุ่งนี้
สำหรับการดำเนินคดีในศาลฎีกาฯ นั้น จะเป็นระบบไต่สวน นอกจากอัยการโจทก์แล้ว ผู้พิพากษาองค์คณะในคดีจะมีอำนาจในการซักถามพยานได้หากพบข้อสงสัยในคดี
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 3 ส.ค.ที่ผ่านมา น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวชื่อ Yingluck Shinawatra โดยมีเนื้อหาทำนองว่า “ต้องการกำลังใจจากพี่น้องประชาชนและแฟนเพจ ในการขึ้นไต่สวนพยานในครั้งนี้”
ดังนั้นศาลฎีกาฯ จึงมีการเฝ้าระวังรักษาความปลอดภัยบริเวณอาคารศาลฎีกาฯ อย่างเข้มงวดเหมือนเช่นทุกครั้ง โดยมีการจัดวางกำลังเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย และมีการนำเครื่องสแกนวัตถุต้องสงสัย ทั้งตรวจค้นผู้ที่จะเข้าไปในห้องพิจารณาคดีอย่างละเอียด ส่วนการรักษาความปลอดภัยบริเวณโดยรอบศาลฎีกาฯ นั้น จะเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจและหน่วยงานความมั่นคงที่จะต้องประเมินสถานการณ์ ว่าจะมีการเตรียมอัตรากำลังเจ้าหน้าที่มาประจำการแค่ไหน
ทั้งนี้คาดว่าจะมีผู้เข้ามาให้กำลังใจ น.ส.ยิ่งลักษณ์จำนวนมากกว่าทุกครั้ง โดยการเข้าฟังการไต่สวนพยานจำเลยในห้องพิจารณาคดีของศาลฎีกาฯ จะต้องมีการแลกบัตรประชาชน ซึ่งในห้องพิจารณาจะสามารถเปิดให้ประชาชนได้เข้าฟังได้ประมาณ 120 คน และเปิดให้มีการแลกบัตรเวลา 08.30 น.
นายนรวิชญ์ หล้าแหล่ง ทนายความ น.ส.ยิ่งลักษณ์ เปิดเผยถึงการเตีรยมพร้อมว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์จะเดินทางไปศาลฎีกาฯ เพื่อไต่สวนพยานจำเลยด้วยตัวเองในฐานะพยานจำเลยปากแรก ซึ่งมีการเตรียมความพร้อมแล้ว และก่อนที่จะมีการไต่สวนและตอบคำถามอัยการโจทก์นั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์จะขึ้นแถลงเปิดคดีด้วยตนเอง ซึ่งได้ขอเวลาศาลฎีกาในการแถลงคดีไว้ราว 1 ชั่วโมง และหลังจากนั้นจะเป็นการตอบคำถามอัยการโจทก์ ซึ่งได้เตรียมคำถามไว้ 100 กว่าคำถาม แต่ก็ไม่ทราบว่าศาลจะอนุญาตให้ถามได้กี่คำถาม ซึ่งหากดูจากคำถามที่มีปริมาณมากในการไต่สวนจำเลยพรุ่งนี้อาจจะต้องไต่สวนพยานทั้งช่วงเช้าและบ่าย ส่วนจะเสร็จในวันเดียวหรือไม่นั้น ต้องดูสถานการณ์ในวันพรุ่งนี้
สำหรับการดำเนินคดีในศาลฎีกาฯ นั้น จะเป็นระบบไต่สวน นอกจากอัยการโจทก์แล้ว ผู้พิพากษาองค์คณะในคดีจะมีอำนาจในการซักถามพยานได้หากพบข้อสงสัยในคดี
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 3 ส.ค.ที่ผ่านมา น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวชื่อ Yingluck Shinawatra โดยมีเนื้อหาทำนองว่า “ต้องการกำลังใจจากพี่น้องประชาชนและแฟนเพจ ในการขึ้นไต่สวนพยานในครั้งนี้”
ดังนั้นศาลฎีกาฯ จึงมีการเฝ้าระวังรักษาความปลอดภัยบริเวณอาคารศาลฎีกาฯ อย่างเข้มงวดเหมือนเช่นทุกครั้ง โดยมีการจัดวางกำลังเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย และมีการนำเครื่องสแกนวัตถุต้องสงสัย ทั้งตรวจค้นผู้ที่จะเข้าไปในห้องพิจารณาคดีอย่างละเอียด ส่วนการรักษาความปลอดภัยบริเวณโดยรอบศาลฎีกาฯ นั้น จะเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจและหน่วยงานความมั่นคงที่จะต้องประเมินสถานการณ์ ว่าจะมีการเตรียมอัตรากำลังเจ้าหน้าที่มาประจำการแค่ไหน
ทั้งนี้คาดว่าจะมีผู้เข้ามาให้กำลังใจ น.ส.ยิ่งลักษณ์จำนวนมากกว่าทุกครั้ง โดยการเข้าฟังการไต่สวนพยานจำเลยในห้องพิจารณาคดีของศาลฎีกาฯ จะต้องมีการแลกบัตรประชาชน ซึ่งในห้องพิจารณาจะสามารถเปิดให้ประชาชนได้เข้าฟังได้ประมาณ 120 คน และเปิดให้มีการแลกบัตรเวลา 08.30 น.