นายปรีดี ดาวฉาย นายกสมาคมธนาคารไทย กล่าวภายหลังประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) เดือนสิงหาคม 2559 ว่า ที่ประชุม กกร.ยังคงกรอบอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจไทยปีนี้ร้อยละ 3 – 3.5 และการส่งออกติดลบร้อยละ 0-2 แม้ภาวะเศรษฐกิจไทยโดยรวมเดือนมิถุนายน ที่ผ่านมา เริ่มมีสัญญาณฟื้นตัว โดยเฉพาะการส่งออกที่ติดลบแบบชะลอตัวลงและสินค้าอุตสาหกรรมกลับมาขยายตัวเป็นครั้งแรกในรอบ 3 เดือน
ขณะเดียวกัน ผลจากภัยแล้งที่เริ่มคลี่คลาย ทำให้รายได้เกษตรกรเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 เช่นเดียวกับยอดขายรถยนต์ที่ปรับตัวดีขึ้น สะท้อนภาวะการใช้จ่ายในประเทศปรับตัวดีขึ้น โดยเศรษฐกิจไทยน่าจะทยอยฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไปในช่วงครึ่งปีหลัง จากการใช้จ่ายภาครัฐ และการขยายตัวทางการท่องเที่ยว มาเป็นแรงขับเคลื่อนหลัก ซึ่งนักท่องเที่ยวช่วงครึ่งปีแรกยังขยายตัวร้อยละ 13 โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีนที่ยังคงเพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ตาม ยังต้องติดตามปัจจัยเสี่ยงจากเศรษฐกิจกิจโลกที่ยังคงเผชิญความเสี่ยงจาก BREXIT ปัญหาภาคธนาคารในยุโรปและการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน รวมถึงอัตราแลกเปลี่ยนที่จะต้องแข็งค่าใกล้เคียงกับประเทศเพื่อนบ้านและแข็งค่าขึ้นตามความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจของประเทศ แต่จะต้องติดตามหากมีการแข็งค่าจากการเคลื่อนย้ายเงินทุนระยะสั้นถือว่าน่าเป็นห่วง ดังนั้น เชื่อว่าภาครัฐจะต้องมีการติดตามดูแลใกล้ชิด
ด้านการท่องเที่ยว หลังจากมีกระแสข่าวว่านักท่องเที่ยวชาวจีนจะไม่เดินทางมาประเทศไทย โดยตัวเลขการท่องเที่ยวของไทยยังเติบโตต่อเนื่อง ซึ่งจำนวนนักท่องเที่ยวเดือนกรกฎาคม เติบโตถึงร้อยละ 8 ขณะที่ 6 เดือนแรกปีนี้โตสูงกว่าร้อยละ 13 ซึ่งในส่วนนี้ยังเป็นนักท่องเที่ยวชาวจีนมากสุด และเห็นว่าในช่วงครึ่งปีหลังโอกาสการท่องเที่ยวไทยยังเติบโตได้เพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน
ขณะเดียวกัน ผลจากภัยแล้งที่เริ่มคลี่คลาย ทำให้รายได้เกษตรกรเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 เช่นเดียวกับยอดขายรถยนต์ที่ปรับตัวดีขึ้น สะท้อนภาวะการใช้จ่ายในประเทศปรับตัวดีขึ้น โดยเศรษฐกิจไทยน่าจะทยอยฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไปในช่วงครึ่งปีหลัง จากการใช้จ่ายภาครัฐ และการขยายตัวทางการท่องเที่ยว มาเป็นแรงขับเคลื่อนหลัก ซึ่งนักท่องเที่ยวช่วงครึ่งปีแรกยังขยายตัวร้อยละ 13 โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีนที่ยังคงเพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ตาม ยังต้องติดตามปัจจัยเสี่ยงจากเศรษฐกิจกิจโลกที่ยังคงเผชิญความเสี่ยงจาก BREXIT ปัญหาภาคธนาคารในยุโรปและการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน รวมถึงอัตราแลกเปลี่ยนที่จะต้องแข็งค่าใกล้เคียงกับประเทศเพื่อนบ้านและแข็งค่าขึ้นตามความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจของประเทศ แต่จะต้องติดตามหากมีการแข็งค่าจากการเคลื่อนย้ายเงินทุนระยะสั้นถือว่าน่าเป็นห่วง ดังนั้น เชื่อว่าภาครัฐจะต้องมีการติดตามดูแลใกล้ชิด
ด้านการท่องเที่ยว หลังจากมีกระแสข่าวว่านักท่องเที่ยวชาวจีนจะไม่เดินทางมาประเทศไทย โดยตัวเลขการท่องเที่ยวของไทยยังเติบโตต่อเนื่อง ซึ่งจำนวนนักท่องเที่ยวเดือนกรกฎาคม เติบโตถึงร้อยละ 8 ขณะที่ 6 เดือนแรกปีนี้โตสูงกว่าร้อยละ 13 ซึ่งในส่วนนี้ยังเป็นนักท่องเที่ยวชาวจีนมากสุด และเห็นว่าในช่วงครึ่งปีหลังโอกาสการท่องเที่ยวไทยยังเติบโตได้เพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน
