นายศุภชัย สมเจริญ ประธานกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวถึงช่วงโค้งสุดท้ายก่อนการออกเสียงประชามติ 7 สิงหาคมนี้ ว่า กกต.มีความพร้อมเต็มที่ในทุกด้านกว่า 95 เปอร์เซ็นต์แล้ว เนื่องจากได้เตรียมการมา 3 เดือน และขณะนี้ ทั้งวัสดุอุปกรณ์ หีบบัตรออกเสียง ได้จัดครบทุกหน่วยแล้ว ขณะเดียวกัน ได้เน้นเรื่องการอบรมคณะกรรมการประจำหน่วย เพื่อป้องกันปัญหาบัตรเสีย และเน้นย้ำเรื่องการให้ความรู้ประชาชนให้กาบัตรให้ถูกวิธี
ทั้งนี้ ไม่กังวลต่อการออกเสียงประชามติ เพราะไม่ได้มีการแข่งขันเหมือนกับการเลือกตั้ง แต่จะเป็นการให้สิทธิอิสระประชาชนว่าจะรับหรือไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ ส่วนประเด็นที่พบว่าขณะนี้ประชาชนได้รับร่างรัฐธรรมนูญมาอ่านอย่างไม่ทั่วถึงนั้น ขอชี้แจงว่าการทำประชามติไม่ได้แจกไปทุกบ้านทุกครัวเรือน เพราะได้มีการพิมพ์ไว้ 1 ล้านฉบับ แจกตามสถานที่ราชการที่สำคัญ อาทิ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สถานศึกษา และสถานที่สำคัญตามจุดต่างๆ เพื่อให้ประชาชนได้อ่านทำความเข้าใจ ขณะเดียวกัน ประชาชนสามารถโหลดแอปพลิเคชั่น ฉลาดรู้ของ กกต.มาอ่านสาระสำคัญเกี่ยวกับรัฐธรรมนูญได้ รวมถึงยังมีหนังสือพิมพ์ 11 ฉบับ ที่จะลงเนื้อหาร่างรัฐธรรมนูญให้ประชาชนหาอ่านได้สะดวกมากขึ้น และยังมีเอกสารสรุปเนื้อหาร่างรัฐธรรมนูญแบบย่อ และที่มาที่ไปของประเด็นคำถามเพิ่มเติม รวมถึงวิธีการออกเสียง แจกจ่ายให้กับประชาชนด้วย
ประธาน กกต.กล่าวถึงเหตุก่อกวนช่วงก่อนออกเสียงประชามติที่มีมากขึ้น ทั้งป้ายผ้าและการฉีดสเปย์พ่นข้อความไม่รับร่างรัฐธรรมนูญตามสถานที่ต่างๆ ว่า ได้รับทราบเรื่องนี้เป็นระยะ หากเรื่องใดที่ไม่เข้าข่ายความผิด พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ ก็จะตักเตือนไปก่อน แต่หากเข้าข่ายก็ต้องดำเนินการตามกฎหมาย ซึ่งเรื่องนี้มีเจ้าหน้าที่คอยเฝ้าระวังและสอดส่องการกระทำความผิดต่างๆ อยู่ ทั้งนี้ อยากขอเตือนถึงคนที่คิดจะกระทำความผิดว่าอย่าไปทำในสิ่งที่ผิดกฎหมาย หากตกเป็นจำเลยแล้วก็ต้องมาเสียเวลาแก้ข้อกล่าวหาในคดีความอีก ครั้งนี้เป็นแค่เรื่องเห็นชอบและไม่เห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญ ไม่ใช่เรื่องทางการเมือง แต่ทุกคนก็ต้องให้ความสำคัญ เพราะรัฐธรรมนูญคือกฎหมายสูงสุดของประเทศที่ทุกคนต้องอยู่ภายใต้กติการัฐธรรมนูญนี้ ซึ่งจะเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบอย่างไร ก็เป็นสิทธิของแต่ละคน
ประธาน กกต.กล่าวด้วยว่า ไม่รู้สึกกังวลว่าจะมีเหตุในพื้นที่ใด เพราะแต่ละจังหวัดได้จัดตั้งศูนย์รักษาความสงบเรียบร้อยเพื่อสนับสนุนการดำเนินการตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ ซึ่งจะมีการสอดส่องและเฝ้าระวังไม่ให้เกิดเหตุร้ายแรงในพื้นที่
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ได้ดำเนินคดีกับผู้ผิดกฎหมายประชามติไปแล้ว 135 คดี แจ้งความไป 10 กว่าคดี และอยู่ระหว่างกระบวนการตรวจสอบอีกหลายคดี ขอยืนยันว่าการตรวจสอบตามที่มีผู้ร้องเรียนการกระทำความผิดนั้น จะต้องตรวจสอบอย่างรอบคอบก่อนที่จะแจ้งความดำเนินดคี เพราะการกล่าวหาใครต้องมีมูลมีหลักฐานที่จะเอาผิดได้ และยืนยันจะไม่มีการเชือดไก่ให้ลิงดูเพื่อขู่คนที่จะกระทำความผิด แต่ทุกอย่างจะทำตามระเบียบของ กกต.อย่างโปร่งใสและยุติธรรม
ประธาน กกต. กล่าวว่า มั่นใจการออกเสียงประชามติในครั้งนี้ จะเกิดความเรียบร้อย และไม่มีเหตุวุ่นวายใดๆ เกิดขึ้น พร้อมทั้งมั่นใจว่าประชาชนจะออกมาใช้สิทธิออกเสียงประชามติต่อร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้มากกว่าการออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญปี 2550 เนื่องจากมีการรณรงค์อย่างต่อเนื่อง ทั้งภาครัฐและเอกชน ผ่านสื่อต่างๆ และยังมีศูนย์ส่งเสริมพัฒนาการประชาธิปไตยทั่วประเทศ 7,424 ตำบล มีผู้เชี่ยวชาญให้ความรู้ศูนย์ฯ ละ 10 คน อีกทั้งยังมี รด.จิตอาสา ช่วยรณรงค์ให้ความรู้การทำประชามติด้วย จึงมั่นใจว่าประชาชนจะออกมาใช้สิทธิจำนวนมากกว่าปี 50 แน่นอน
ทั้งนี้ ไม่กังวลต่อการออกเสียงประชามติ เพราะไม่ได้มีการแข่งขันเหมือนกับการเลือกตั้ง แต่จะเป็นการให้สิทธิอิสระประชาชนว่าจะรับหรือไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ ส่วนประเด็นที่พบว่าขณะนี้ประชาชนได้รับร่างรัฐธรรมนูญมาอ่านอย่างไม่ทั่วถึงนั้น ขอชี้แจงว่าการทำประชามติไม่ได้แจกไปทุกบ้านทุกครัวเรือน เพราะได้มีการพิมพ์ไว้ 1 ล้านฉบับ แจกตามสถานที่ราชการที่สำคัญ อาทิ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สถานศึกษา และสถานที่สำคัญตามจุดต่างๆ เพื่อให้ประชาชนได้อ่านทำความเข้าใจ ขณะเดียวกัน ประชาชนสามารถโหลดแอปพลิเคชั่น ฉลาดรู้ของ กกต.มาอ่านสาระสำคัญเกี่ยวกับรัฐธรรมนูญได้ รวมถึงยังมีหนังสือพิมพ์ 11 ฉบับ ที่จะลงเนื้อหาร่างรัฐธรรมนูญให้ประชาชนหาอ่านได้สะดวกมากขึ้น และยังมีเอกสารสรุปเนื้อหาร่างรัฐธรรมนูญแบบย่อ และที่มาที่ไปของประเด็นคำถามเพิ่มเติม รวมถึงวิธีการออกเสียง แจกจ่ายให้กับประชาชนด้วย
ประธาน กกต.กล่าวถึงเหตุก่อกวนช่วงก่อนออกเสียงประชามติที่มีมากขึ้น ทั้งป้ายผ้าและการฉีดสเปย์พ่นข้อความไม่รับร่างรัฐธรรมนูญตามสถานที่ต่างๆ ว่า ได้รับทราบเรื่องนี้เป็นระยะ หากเรื่องใดที่ไม่เข้าข่ายความผิด พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ ก็จะตักเตือนไปก่อน แต่หากเข้าข่ายก็ต้องดำเนินการตามกฎหมาย ซึ่งเรื่องนี้มีเจ้าหน้าที่คอยเฝ้าระวังและสอดส่องการกระทำความผิดต่างๆ อยู่ ทั้งนี้ อยากขอเตือนถึงคนที่คิดจะกระทำความผิดว่าอย่าไปทำในสิ่งที่ผิดกฎหมาย หากตกเป็นจำเลยแล้วก็ต้องมาเสียเวลาแก้ข้อกล่าวหาในคดีความอีก ครั้งนี้เป็นแค่เรื่องเห็นชอบและไม่เห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญ ไม่ใช่เรื่องทางการเมือง แต่ทุกคนก็ต้องให้ความสำคัญ เพราะรัฐธรรมนูญคือกฎหมายสูงสุดของประเทศที่ทุกคนต้องอยู่ภายใต้กติการัฐธรรมนูญนี้ ซึ่งจะเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบอย่างไร ก็เป็นสิทธิของแต่ละคน
ประธาน กกต.กล่าวด้วยว่า ไม่รู้สึกกังวลว่าจะมีเหตุในพื้นที่ใด เพราะแต่ละจังหวัดได้จัดตั้งศูนย์รักษาความสงบเรียบร้อยเพื่อสนับสนุนการดำเนินการตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ ซึ่งจะมีการสอดส่องและเฝ้าระวังไม่ให้เกิดเหตุร้ายแรงในพื้นที่
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ได้ดำเนินคดีกับผู้ผิดกฎหมายประชามติไปแล้ว 135 คดี แจ้งความไป 10 กว่าคดี และอยู่ระหว่างกระบวนการตรวจสอบอีกหลายคดี ขอยืนยันว่าการตรวจสอบตามที่มีผู้ร้องเรียนการกระทำความผิดนั้น จะต้องตรวจสอบอย่างรอบคอบก่อนที่จะแจ้งความดำเนินดคี เพราะการกล่าวหาใครต้องมีมูลมีหลักฐานที่จะเอาผิดได้ และยืนยันจะไม่มีการเชือดไก่ให้ลิงดูเพื่อขู่คนที่จะกระทำความผิด แต่ทุกอย่างจะทำตามระเบียบของ กกต.อย่างโปร่งใสและยุติธรรม
ประธาน กกต. กล่าวว่า มั่นใจการออกเสียงประชามติในครั้งนี้ จะเกิดความเรียบร้อย และไม่มีเหตุวุ่นวายใดๆ เกิดขึ้น พร้อมทั้งมั่นใจว่าประชาชนจะออกมาใช้สิทธิออกเสียงประชามติต่อร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้มากกว่าการออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญปี 2550 เนื่องจากมีการรณรงค์อย่างต่อเนื่อง ทั้งภาครัฐและเอกชน ผ่านสื่อต่างๆ และยังมีศูนย์ส่งเสริมพัฒนาการประชาธิปไตยทั่วประเทศ 7,424 ตำบล มีผู้เชี่ยวชาญให้ความรู้ศูนย์ฯ ละ 10 คน อีกทั้งยังมี รด.จิตอาสา ช่วยรณรงค์ให้ความรู้การทำประชามติด้วย จึงมั่นใจว่าประชาชนจะออกมาใช้สิทธิจำนวนมากกว่าปี 50 แน่นอน
