สำนักการโยธา กรุงเทพมหานคร (กทม.) ร่วมกับสมาคมผู้ตรวจสอบอาคารและบริหารความปลอดภัยอาคารและ วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ (วสท.) ลงพื้นที่ตรวจโรงภาพยนต์เอสเอฟเอ็กซ์ ภายในห้างสรรพสินค้า เซ็นทรัลพระราม 9 เพื่อตรวจสอบความปลอดภัยของโรงภาพยนตร์ โดยใช้เวลาตรวจกว่า 2 ชั่วโมง
นายไทวุฒิ ขันแก้ว ผู้อำนวยการกองควบคุมอาคาร สำนักการโยธา กล่าวว่า ภายหลังการตรวจสอบ เบื้องต้นพบว่ายังมีหลายจุดที่ต้องแก้ไข เช่น จุดวางถังดับเพลิง ความพร้อมเจ้าหน้าที่ แผนป้องกันเหตุ การทำงานของสปริงเกอร์ ระบบแจ้งเตือนเหตุเพลิงไหม้ระหว่างรับชมภาพยนตร์ รวมทั้งวัสดุตกแต่งโรงภาพยนตร์ เป็นวัสดุติดไฟง่าย ซึ่งจะต้องดำเนินการแก้ไข ในเฉพาะส่วนที่จำเป็นเท่านั้น
นอกจากนี้ ขอความร่วมมือเจ้าของอาคารตรวจสอบอาคารอย่างน้อยปีละครั้ง เพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้อาคาร หากไม่ดำเนินการ มีความผิดทั้งทางอาญาและทางแพ่ง พร้อมยืนยันว่า การมาร่วมตรวจครั้งนี้ไม่ใช่ลักษณะวัวหายล้อมคอกเพราะปกติหน้าที่การตรวจสอบอาคารเป็นหน้าที่ของเจ้าของอาคารที่จะต้องตรวจเป็นประจำและรายงานผลมายังกรุงเทพมหานคร แต่เมื่อเกิดเหตุ กรุงเทพมหานครและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องมาตรวจสอบใหม่อีกครั้งว่าได้ทำการตรวจตามมาตรฐานจริงหรือไม่
ด้านนางบุษกร แสนสุข ประธานสาขาวิศวกรรมความปลอยภัย วสท. กล่าวว่า จาการสังเกตการณ์ที่โรงภาพยนต์แห่งนี้ โครงสร้างอาคารแข็งแรงปลอดภัยดี แต่มีจุดที่ควรต้องมีการปรับปรุง ไม่ว่าจะเป็นฝ้าเพดาน ที่ควรเปลี่ยนเป็นฝ้าแบบเรียบ สปริงเกอร์ดับไฟอยู่ในจุดที่เป็นซอกหลืบ หากเกิดเหตุทำให้การกระจายน้ำทำได้ไม่ดี ที่สำคัญคือวัสดุที่ใช้ตกแต่งซึ่งเป็นเชื้อเพลิงอย่างดีมีมาก เช่น พรม ผ้าม่าน ทั้งนี้ แนะนำว่าควรจะมีแต่พอดี ไม่ใช่เพื่อความสวยงาม ซึ่งวัสดุเหล่านี้สามารถนำมาเคลือบกันไฟได้ แต่อาจจะได้แค่ชั่วคราว ต้นตอจริงๆ ควรเริ่มมาตั้งแต่การติดตั้งวัสดุอุปกรณ์โดยเฉพาะในอาคารขนาดใหญ่ควรใช้กันความร้อน 750 องศาเซลเซียส เป็นต้นไป
พร้อมแสดงความเป็นห่วงโรงหนังที่สร้างก่อน พ.ร.บ.ความปลอดภัยอาคารปี 2550 ส่วนใหญ่เป็นอาคารเก่าและแทบจะไม่ได้มีการตรวจอาคาร ระบบดับเพลิง ระบบไฟฟ้า อยากจะให้เจ้าของอาคารช่วยกันตรวจสอบเพื่อความปลอดภัย
ทั้งนี้ กรุงเทพมหานครจะเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่สุ่มตรวจความปลอดภัยโรงภาพยนตร์ทั่วกรุงเทพฯ ที่มีกว่า 333 แห่ง จำนวน 39 อาคาร ภายใน 15 วัน เพื่อให้เจ้าของอาคารดำเนินการแก้ไขให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน หากยังไม่ดำเนินการจะมีความผิดทั้งทางแพ่ง และอาญา
นายไทวุฒิ ขันแก้ว ผู้อำนวยการกองควบคุมอาคาร สำนักการโยธา กล่าวว่า ภายหลังการตรวจสอบ เบื้องต้นพบว่ายังมีหลายจุดที่ต้องแก้ไข เช่น จุดวางถังดับเพลิง ความพร้อมเจ้าหน้าที่ แผนป้องกันเหตุ การทำงานของสปริงเกอร์ ระบบแจ้งเตือนเหตุเพลิงไหม้ระหว่างรับชมภาพยนตร์ รวมทั้งวัสดุตกแต่งโรงภาพยนตร์ เป็นวัสดุติดไฟง่าย ซึ่งจะต้องดำเนินการแก้ไข ในเฉพาะส่วนที่จำเป็นเท่านั้น
นอกจากนี้ ขอความร่วมมือเจ้าของอาคารตรวจสอบอาคารอย่างน้อยปีละครั้ง เพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้อาคาร หากไม่ดำเนินการ มีความผิดทั้งทางอาญาและทางแพ่ง พร้อมยืนยันว่า การมาร่วมตรวจครั้งนี้ไม่ใช่ลักษณะวัวหายล้อมคอกเพราะปกติหน้าที่การตรวจสอบอาคารเป็นหน้าที่ของเจ้าของอาคารที่จะต้องตรวจเป็นประจำและรายงานผลมายังกรุงเทพมหานคร แต่เมื่อเกิดเหตุ กรุงเทพมหานครและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องมาตรวจสอบใหม่อีกครั้งว่าได้ทำการตรวจตามมาตรฐานจริงหรือไม่
ด้านนางบุษกร แสนสุข ประธานสาขาวิศวกรรมความปลอยภัย วสท. กล่าวว่า จาการสังเกตการณ์ที่โรงภาพยนต์แห่งนี้ โครงสร้างอาคารแข็งแรงปลอดภัยดี แต่มีจุดที่ควรต้องมีการปรับปรุง ไม่ว่าจะเป็นฝ้าเพดาน ที่ควรเปลี่ยนเป็นฝ้าแบบเรียบ สปริงเกอร์ดับไฟอยู่ในจุดที่เป็นซอกหลืบ หากเกิดเหตุทำให้การกระจายน้ำทำได้ไม่ดี ที่สำคัญคือวัสดุที่ใช้ตกแต่งซึ่งเป็นเชื้อเพลิงอย่างดีมีมาก เช่น พรม ผ้าม่าน ทั้งนี้ แนะนำว่าควรจะมีแต่พอดี ไม่ใช่เพื่อความสวยงาม ซึ่งวัสดุเหล่านี้สามารถนำมาเคลือบกันไฟได้ แต่อาจจะได้แค่ชั่วคราว ต้นตอจริงๆ ควรเริ่มมาตั้งแต่การติดตั้งวัสดุอุปกรณ์โดยเฉพาะในอาคารขนาดใหญ่ควรใช้กันความร้อน 750 องศาเซลเซียส เป็นต้นไป
พร้อมแสดงความเป็นห่วงโรงหนังที่สร้างก่อน พ.ร.บ.ความปลอดภัยอาคารปี 2550 ส่วนใหญ่เป็นอาคารเก่าและแทบจะไม่ได้มีการตรวจอาคาร ระบบดับเพลิง ระบบไฟฟ้า อยากจะให้เจ้าของอาคารช่วยกันตรวจสอบเพื่อความปลอดภัย
ทั้งนี้ กรุงเทพมหานครจะเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่สุ่มตรวจความปลอดภัยโรงภาพยนตร์ทั่วกรุงเทพฯ ที่มีกว่า 333 แห่ง จำนวน 39 อาคาร ภายใน 15 วัน เพื่อให้เจ้าของอาคารดำเนินการแก้ไขให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน หากยังไม่ดำเนินการจะมีความผิดทั้งทางแพ่ง และอาญา
