การประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ หรือ สนช. วันนี้(28 ก.ค.) ในการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ฉบับที่ ...) พ.ศ. ... มีนายมหรรณพ เดชวิทักษ์ กับคณะ เป็นผู้เสนอ และเป็นร่างพระราชบัญญัติที่คณะรัฐมนตรีขอรับไปพิจารณาก่อนรับหลักการและส่งกลับคืนมา
โดยหลักการเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมเกณฑ์การอุทธรณ์ กรณีที่จำเลยไม่ได้ถูกคุมขังเป็นผู้อุทธรณ์ และแก้ไขเพิ่มเติมการฏีกากรณีที่จำเลยไม่ได้ถูกคุมขังเป็นผู้ยื่นฎีกา ทั้งนี้ เนื่องจากประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาไม่ได้กำหนดให้จำเลยต้องมาแสดงตนต่อศาล เมื่อประสงค์จะอุทธรณ์หรือฎีกา ทำให้ศาลไม่สามารถตรวจสอบได้ว่า จำเลยยังมีตัวตนอยู่หรือไม่ และเป็นการเปิดโอกาสให้จำเลยที่อยู่ระหว่างหลบหนีคดีสามารถยื่นอุทธรณ์หรือฎีกาได้ จึงสมควรให้มีการแก้ไขเพิ่มเติมหลักเกณฑ์การอุทธรณ์หรือฎีกากรณีจำเลยไม่ได้ถูกคุมขังเป็นผู้อุทธรณ์หรือฎีหา
ทั้งนี้ ในการอภิปรายของสมาชิก สนช. สนับสนุนร่างพระราชบัญญัตินี้ เพราะปัจจุบันมีจำเลยหลบหนีคดีแต่ยังฟ้องร้องบุคคลและเจ้าหน้าที่รัฐ ซึ่งถือไม่ยุติธรรมแก่เจ้าหน้าที่รัฐที่ไม่สามารถดำเนินการใดๆ กับผู้หลบหนีคดีได้ จากนั้น ที่ประชุมมีมติรับหลักการร่างพระราชบัญญัตินี้ด้วยคะแนน 158 เสียง ไม่เห็นด้วยไม่มี และงดออกเสียง 3 เสียง พร้อมตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญจำนวน 15 คน พิจารณา โดยมีกำหนดแปรญัตติ 15 วัน
โดยหลักการเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมเกณฑ์การอุทธรณ์ กรณีที่จำเลยไม่ได้ถูกคุมขังเป็นผู้อุทธรณ์ และแก้ไขเพิ่มเติมการฏีกากรณีที่จำเลยไม่ได้ถูกคุมขังเป็นผู้ยื่นฎีกา ทั้งนี้ เนื่องจากประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาไม่ได้กำหนดให้จำเลยต้องมาแสดงตนต่อศาล เมื่อประสงค์จะอุทธรณ์หรือฎีกา ทำให้ศาลไม่สามารถตรวจสอบได้ว่า จำเลยยังมีตัวตนอยู่หรือไม่ และเป็นการเปิดโอกาสให้จำเลยที่อยู่ระหว่างหลบหนีคดีสามารถยื่นอุทธรณ์หรือฎีกาได้ จึงสมควรให้มีการแก้ไขเพิ่มเติมหลักเกณฑ์การอุทธรณ์หรือฎีกากรณีจำเลยไม่ได้ถูกคุมขังเป็นผู้อุทธรณ์หรือฎีหา
ทั้งนี้ ในการอภิปรายของสมาชิก สนช. สนับสนุนร่างพระราชบัญญัตินี้ เพราะปัจจุบันมีจำเลยหลบหนีคดีแต่ยังฟ้องร้องบุคคลและเจ้าหน้าที่รัฐ ซึ่งถือไม่ยุติธรรมแก่เจ้าหน้าที่รัฐที่ไม่สามารถดำเนินการใดๆ กับผู้หลบหนีคดีได้ จากนั้น ที่ประชุมมีมติรับหลักการร่างพระราชบัญญัตินี้ด้วยคะแนน 158 เสียง ไม่เห็นด้วยไม่มี และงดออกเสียง 3 เสียง พร้อมตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญจำนวน 15 คน พิจารณา โดยมีกำหนดแปรญัตติ 15 วัน
