พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานขับเคลื่อน และประสานงานการปฏิรูปองค์กรตำรวจ เปิดเผยว่า ขณะนี้การปฎิรูปทั้งหมดได้เริ่มดำเนินการไปพร้อมๆ กันแล้ว สำหรับการปฏิรูปที่มีความสำคัญและกำลังเป็นที่จับตาของสังคมและประชาชนโดยทั่วไป และเป็นเรื่องที่ต้องดำเนินการอย่างเข้มข้น และต่อเนื่องให้เห็นเป็นรูปธรรม ก็คือเรื่องของการปฏิรูปงานสอบสวน และการบังคับใช้กฎหมาย ซึ่งในการดำเนินการในระยะเร่งด่วน และจะต้องแล้วเสร็จภายใน 1 ปี หลังมีคดีรับแจ้งเป็นจำนวนมาก แต่มีพนักงานสอบสวนไม่เพียงพอต่อการทำหน้าที่ มีผลทำให้เกิดความล่าช้า และบกพร่องต่อสำนวนการสอบสวน ขาดการเอาใจใส่ดูแลจากผู้บังคับบัญชา รวมทั้งขาดทีมงานด้านการสืบสวน การพิสูจน์หลักฐาน และงานนิติวิทยาศาสตร์ ซึ่งเป็นงานสำคัญต่อการอำนวยความยุติธรรมในเบื้องต้น และจะต้องดำเนินการควบคู่กันไปตั้งแต่มีการรับแจ้งความ
สำหรับสถานีตำรวจที่จำเป็นจะต้องปฏิรูประบบการสอบสวนให้แล้วเสร็จภายในระยะเร่งด่วน 1 ปี มีจำนวนทั้งสิ้น 514 แห่ง โดยทั้งหมดจะต้องจัดชุดพนักงานสอบสวนแบบบูรณาการและพื้นที่รับแจ้งความแบบเสร็จสิ้น ณ จุดเดียว เพื่อคอยให้บริการแก่ประชาชน และรับผิดชอบทำสำนวนการสอบสวนด้วยความถูกต้อง รวดเร็ว เป็นธรรม เกิดความเท่าเทียม และสร้างความไว้วางใจให้กับคู่กรณีในการดำเนินการตามขั้นตอนต่างๆ ที่จะต้องเป็นไปด้วยความโปร่งใส โดยชุดพนักงานสอบสวนแบบบูรณาการจะต้องมีพนักงานสอบสวนหัวหน้าทีม 1 นาย พนักงานสอบสวนประจำทีม 2 นาย ฝ่ายสืบสวน 2 นาย ผู้ช่วยพนักงานสอบสวน 2 นาย รวมทั้งทีมสนับสนุนที่เป็นเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน นิติวิทยาศาสตร์ เสมียนคดี วัสดุอุปกรณ์ และยานพาหนะ ทั้งนี้ เพื่อให้กระบวนการรับแจ้งความ การสืบสวนสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน และการมีความเห็นทางคดีเป็นไปด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรมอย่างแท้จริง
สำหรับสถานีตำรวจที่เหลืออีก 982 แห่ง จะมีการปฏิรูปไปพร้อมๆ กัน แต่ได้กำหนดกรอบระยะเวลาให้แล้วเสร็จภายในกำหนด 5 ปี โดยในระหว่างที่มีการปฏิรูปการจัดชุดพนักงานสอบสวนแบบบูรณาการนั้น ก็จะมีการปฏิรูปและพัฒนาตัวพนักงานสอบสวนไปพร้อมๆ กัน โดยจะมีการฝึกอบรมที่เน้นไปในเรื่องขององค์ความรู้ ทางด้านกฎหมาย ระเบียบข้อบังคับ รวมทั้งการประพฤติปฏิบัติตนตามแนวทางที่ถูกต้องต่อการเป็นพนักงานสอบสวนที่ดีมีคุณธรรม จริยธรรม และจรรยาบรรณของพนักงานสอบสวนอย่างครบถ้วนต่อไป
สำหรับสถานีตำรวจที่จำเป็นจะต้องปฏิรูประบบการสอบสวนให้แล้วเสร็จภายในระยะเร่งด่วน 1 ปี มีจำนวนทั้งสิ้น 514 แห่ง โดยทั้งหมดจะต้องจัดชุดพนักงานสอบสวนแบบบูรณาการและพื้นที่รับแจ้งความแบบเสร็จสิ้น ณ จุดเดียว เพื่อคอยให้บริการแก่ประชาชน และรับผิดชอบทำสำนวนการสอบสวนด้วยความถูกต้อง รวดเร็ว เป็นธรรม เกิดความเท่าเทียม และสร้างความไว้วางใจให้กับคู่กรณีในการดำเนินการตามขั้นตอนต่างๆ ที่จะต้องเป็นไปด้วยความโปร่งใส โดยชุดพนักงานสอบสวนแบบบูรณาการจะต้องมีพนักงานสอบสวนหัวหน้าทีม 1 นาย พนักงานสอบสวนประจำทีม 2 นาย ฝ่ายสืบสวน 2 นาย ผู้ช่วยพนักงานสอบสวน 2 นาย รวมทั้งทีมสนับสนุนที่เป็นเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน นิติวิทยาศาสตร์ เสมียนคดี วัสดุอุปกรณ์ และยานพาหนะ ทั้งนี้ เพื่อให้กระบวนการรับแจ้งความ การสืบสวนสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน และการมีความเห็นทางคดีเป็นไปด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรมอย่างแท้จริง
สำหรับสถานีตำรวจที่เหลืออีก 982 แห่ง จะมีการปฏิรูปไปพร้อมๆ กัน แต่ได้กำหนดกรอบระยะเวลาให้แล้วเสร็จภายในกำหนด 5 ปี โดยในระหว่างที่มีการปฏิรูปการจัดชุดพนักงานสอบสวนแบบบูรณาการนั้น ก็จะมีการปฏิรูปและพัฒนาตัวพนักงานสอบสวนไปพร้อมๆ กัน โดยจะมีการฝึกอบรมที่เน้นไปในเรื่องขององค์ความรู้ ทางด้านกฎหมาย ระเบียบข้อบังคับ รวมทั้งการประพฤติปฏิบัติตนตามแนวทางที่ถูกต้องต่อการเป็นพนักงานสอบสวนที่ดีมีคุณธรรม จริยธรรม และจรรยาบรรณของพนักงานสอบสวนอย่างครบถ้วนต่อไป