MGR Online - “พล.ต.อ.พงศพัศ” ระบุ ผบ.ตร.สั่งทุกหน่วยเร่งรัดปฎิรูปองค์กรตำรวจทั้งระบบ หากพบปฏิบัติหน้าที่บกพร่องต้องถูกพิจารณาโยกย้าย
วันนี้ (19 ก.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ รอง ผบ.ตร. ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานขับเคลื่อนและประสานงานการปฏิรูปองค์กรตำรวจ กล่าวว่า พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ได้เร่งรัดให้ทุกหน่วยที่เกี่ยวข้องดำเนินการปฏิรูปกระบวนการทำงานในส่วนต่างๆ ของตนเองอย่างเต็มที่ซึ่งมีอยู่ทั้งหมด 10 ประเด็น และจะต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในกรอบระยะเวลาทั้ง 3 ช่วง คือ ในระยะเร่งด่วน 1 ปี ระยะกลาง 5 ปี และระยะยาว 20 ปี โดยทั้งหมดนี้เป็นไปตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และประธาน ก.ตร. ที่ต้องการเห็นการเพิ่มประสิทธิภาพการปฏิบัติงานของตำรวจและเกิดการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นในทุกๆด้าน ทั้งในด้านการรักษาความมั่นคงและความสงบเรียบร้อยของสังคม การป้องกันปราบปรามอาชญากรรม การให้บริการประชาชน และการอำนวยความยุติธรรมในระดับสถานีตำรวจ
พล.ต.อ.พงศพัศกล่าวถึงแนวทางการปฏิรูปว่ามีอยู่ 10 ประเด็น ประกอบด้วย การปรับปรุงการบริหารงานบุคคล การกระจายอำนาจการปฏิบัติงาน การพัฒนาระบบงานสอบสวนและการบังคับใช้กฎหมาย ค่าตอบแทนและสวัสดิการ การจัดหาอุปกรณ์ประจำกายและประจำหน่วยที่จำเป็นสำหรับการปฏิบัติงาน การป้องกันการทุจริตคอร์รัปชัน การสร้างการมีส่วนร่วมของภาคประชาชนและการทำงานร่วมกับท้องถิ่น การจัดระบบนิติวิทยาศาสตร์เพื่อช่วยเหลืองานด้านการอำนวยความยุติธรรม การสรรหาและฝึกอบรมข้าราชการตำรวจให้มีความพร้อมในการทำงาน และการถ่ายโอนภารกิจที่ไม่ใช่งานในหน้าที่หลักของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
ผู้สื่อข่าวถามว่า กรอบระยะเวลาในการดำเนินการ พล.ต.อ.พงศพัศกล่าวว่า การปฏิรูปในทุกประเด็นต้องขับเคลื่อนไปพร้อมๆ กัน โดยมีแนวทางและขั้นตอนการดำเนินการที่ชัดเจนอยู่แล้ว ตนในฐานะที่เป็นหัวหน้าคณะทำงานขับเคลื่อนขอยืนยันว่า ผบ.ตร.ได้กล่าวไว้อย่างชัดเจนอยู่แล้วในการประชุมเชิงปฏิบัติการต่อหน้าหัวหน้าหน่วยในทุกระดับที่เกี่ยวข้องว่า หากพบว่าหัวหน้าหน่วยคนใดไม่ดำเนินการตามแนวทางและกรอบระยะเวลาของการปฏิรูปที่กำหนดไว้จะพิจารณาข้อบกพร่อง และหากจำเป็นก็จะพิจารณาโยกย้ายพร้อมทั้งสรรหาผู้อื่นเข้ามาทำหน้าที่แทน เนื่องจากการปฏิรูปเป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาลที่ต้องดำเนินการให้เห็นเป็นรูปธรรมอย่างชัดเจนในทุกประเด็น
เมื่อถามว่าการแต่งตั้งโยกย้ายที่ยังคงมีข่าวเรื่องของการซื้อขายตำแหน่งมาโดยตลอด พล.ต.อ.พงศพัศกล่าวว่า ไม่มีใครนิ่งนอนใจและเป็นเรื่องที่อยู่ในประเด็นการปฏิรูปการบริหารงานบุคคลอยู่แล้ว ล่าสุดก็ได้มีการจัดทำกฎ ก.ตร.ว่าด้วยการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ พ.ศ. 2559 ขึ้นมาใหม่ และมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 16 ก.ค.ที่ผ่านมาซึ่งจะช่วยให้เส้นทางการเจริญเติบโตของข้าราชการตำรวจในทุกระดับและทุกสายงานมีความชัดเจนมากขึ้น ส่วนการแต่งตั้งในระดับผู้บังคับหมู่ถึงรองสารวัตรที่กำลังดำเนินการอยู่ในขณะนี้ และถือเป็นกำลังพลส่วนใหญ่ที่ปฏิบัติงานใกล้ชิดกับประชาชน ผบ.ตร.ก็ได้เปิดโอกาสให้ทุกคนได้กลับไปทำงานในภูมิลำเนาหรือใกล้ภูมิลำเนาให้มากที่สุด นอกจากจะเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนแล้วยังจะช่วยให้การทำงานมีความผูกพันกับพื้นที่และประชาชนมากขึ้นด้วย
เมื่อถามถึงความคืบหน้าการปฏิรูปการทำงานของพนักงานสอบสวนในระดับสถานีตำรวจ พล.ต.อ.พงศพัศกล่าวว่า ขณะนี้ได้จัดให้มีพนักงานสอบสวนอย่างเพียงพอต่อการรับแจ้งและเสร็จสิ้นในจุดเดียวจำนวน 500 สถานีตำรวจทั่วประเทศ โดยมีการบูรณาการการทำงานของพนักงานสอบสวน ฝ่ายสืบสวน และฝ่ายสนับสนุน ทั้งนี้เพื่อให้การสอบสวนอำนวยความยุติธรรมในเบื้องต้นเป็นไปด้วยความถูกต้อง รวดเร็ว เป็นธรรม และเท่าเทียมอย่างแท้จริง มีการฝึกอบรมพนักงานสอบสวนอย่างต่อเนื่อง มีผู้บังคับบัญชาคอยควบคุมกำกับดูแลอย่างใกล้ชิด เพื่อไม่ให้เกิดข้อบกพร่องหรือความเสียหายซึ่งจะเป็นการทำลายความเชื่อมั่นและเชื่อถือไว้วางใจจากประชาชนโดยทั่วไปดังเช่นหลายๆ คดีที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้