xs
xsm
sm
md
lg

นายกฯ เผยผู้นำลาวเยือนไทย 6 ก.ค. จ่อตั้งคณะทำงานยุทธศาสตร์เป็นทางการ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


“บิ๊กตู่” เพิ่มมาตรการเข้มวันฮารีรายอ เผยสถิติก่อเหตุชายแดนใต้ลด ครม.จ่อตั้งคณะทำงานขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติเป็นทางการสานงานในอนาคต ขอ อปท.สบายใจหลังมีมาตรการตัดงบ สั่ง มท.พิจารณาใหม่ ยัน ปชช.สบายใจได้มาตรการดูแลบริการการเงินแบบใหม่ แจงนายกฯ ลาวเยือนไทย 6 ก.ค.กระชับสัมพันธ์ รับดูแลแรงงานทุกชาติเพราะมีส่วนพัฒนาชาติ สั่งสางปมรถยนต์ค้างท่าเรือ ลั่นไม่เอื้อประโยชน์ใคร

วันนี้ (5 ก.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงการดูแลสถานการณ์ชายแดนใต้ในวันฮารีรายอว่า จะเพิ่มมาตรการให้เข้มข้นขึ้นในการตรวจตรารักษาความปลอดภัย เตรียมความพร้อมกำลังทหารทั้งหมด

“แต่พอเราให้กำลังเข้มข้นก็จะกลายเป็นว่าใช้อำนาจพิเศษ แล้วจะเอาอะไรจากผม อะไรก็ไม่ได้สักอย่าง บังคับก็ไม่ได้ กฎหมายก็ใช้ไม่ได้ แล้วก็เกิดเหตุโครมๆ ก็กลับมาโทษคนที่พยายามทำพยายามแก้ปัญหา วันนี้เรามีหน่วยงานแก้ไขปัญหา กอ.รมน.ภาค 4 ศอ.บต. หน่วยงานของรัฐ พวกเขาก็ทำงานตามแผนงานยุทธศาสตร์ 9 ยุทธศาสตร์ แล้วจะต้องแก้อะไรทุกวัน วันนี้เจ้าหน้าที่ทำเต็มที่แล้ว มีมาตรการทุกมาตรการ” นายกฯ กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า จากสถิติการก่อเหตุเพิ่มขึ้นหรือลดลง นายกฯ กล่าวว่า ลดลง ดูได้จากราฟ แต่จะให้ไม่เกิดเลยต้องไปบอกคนทำ เพราะเจ้าหน้าที่ไม่ได้เป็นคนทำ

“เจ้าหน้าที่คงไม่เอาปืนไปยิงใส่หน้ามัสยิดมั้ง คิดแบบนี้บ้างสิ หรือเธอคิดว่าเจ้าหน้าที่ยิงใส่หน้ามัสยิด ฉันพูดให้ฟัง พูดให้คิดว่ามันใช่ไหม สติปัญญาคิดบ้าง” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์เปิดเผยว่า ที่ประชุมได้หารือเรื่องการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติ เพื่อเป็นแนวทางในหารเดินไปสู่การเป็นไทยแลนด์ 4.0 ซึ่งเป็นความมุ่งหมายที่จะเดินประเทศไปข้างหน้า และพูดถึงการที่มีคณะทำงานยุทธศาสตร์ชาติอยู่แล้วขณะนี้ซึ่งจะต้องขับเคลื่อนการทำงานตามยุทธศาสตร์ตั้งวันนี้ โดยปรับวิธีการทำงาน ซึ่งได้ข้อสรุปว่าจะต้องมีคณะทำงาน แม้ว่าเดิมเรามีคณะทำงานอยู่แล้ว แต่วันหน้าจำเป็นต้องมีคณะทำงานที่เป็นทางการอีกหรือไม่ในอนาคต เพราะคณะทำงานชุดปัจจุบันถูกตั้งโดยคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ทั้งนี้ สิ่งที่พูดถึงนี้คือเรื่องอนาคตไม่ใช่ว่าจะมาปรับเพื่อให้ทันต่อสถานการณ์ตอนนี้ ไม่เกี่ยวกันนี่คือเรื่องการทำงานการบริหารประเทศไปสู่การเป็นไทยแลนด์ 4.0

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวถึงกรณีสำนักงบประมาณตัดงบขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 2.2 หมื่นล้านบาท ว่าความจริงแล้วที่มีการพิจารณาในชั้นต้น ปกติต้องมีรายได้ให้แก่ อปท.ประมาณ 35 เปอร์เซ็นต์ แต่มันไปไม่ถึงเพราะรายได้ประเทศน้อยลง จึงมองเรื่องการปรับภาษีโรงเรือนที่ไม่เคยปรับมานานแล้ว คาดการณ์ว่าเขาจะมีรายได้เพิ่มขึ้นประมาณ 4 หมื่นล้านบาท จึงมีการพิจารณาว่าในช่วงนี้ให้ปรับลดไปก่อน แต่ทั้งนี้เพื่อความสบายใจ ตนจะให้กระทรวงมหาดไทยไปหารือมาใหม่ ว่าจะแปรญัตติอะไรเพิ่มเติมหรือไม่ แต่คงต้องสอดคล้องเม็ดเงินที่จะขึ้นมาในวันหน้าด้วย

“ขอให้ อปท.สบายใจ ต้องช่วยกันสิช่วยกันหารือ ถ้ามีปัญหาอะไรก็พูดกันในช่องทาง ผมก็ดูให้หมด” นายกฯ กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวถึงใช้จ่ายผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ เช่น อี-เพย์เมนต์, อี-บิดดิ้ง และพร้อมเพย์ ว่าให้ประชาชนสบายใจว่ารัฐบาลมีมาตรการดูแลรักษาความปลอดภัย เพราะมีกระแสต่างๆ มามากจะทำให้ไม่เข้าใจกัน รัฐบาลมุ่งหวังว่าจะทำอย่างไรให้ขับเคลื่อนให้เร็วขึ้น ขั้นตอนต่างๆ จะง่ายขึ้น ประชาชนได้รับความสะดวกสบายมากขึ้น โดยเฉพาะระบบพร้อมเพย์ที่เป็นเรื่องระบบการโอนเงินซึ่งคนโอนต้องมีบัญชี ถ้าเงินหายคือการหายที่ปลายทาง ผู้รับโอนก็เปิดบัญชีรอรับไว้ ก็ใช้บัตรประชาชนไปจ่าย เป็นการโอนที่ไม่ต้องเสียค่าโอน เป็นการบริการประชน ซึ่งคิดว่าเป็นคนละประเด็น

นายกฯ กล่าวต่อว่า เรื่องระบบอีบิดดิ้งต้องทำให้เกิดความชัดเจนขึ้น ตอนนี้เป็นระยะแรกที่เราต้องคอยปรับแก้มาจากแบบเดิม ต้องทำให้เกิดความไว้เนื้อเชื่อใจมากขึ้น ว่าไม่มีการฮั้วกัน และจะประหยัดงบประมาณไปได้หลายหมื่นล้านบาท ทุกอย่างเป็นการเปลี่ยนแปลงหากเราเอาทุกเรื่องที่เคยเกิดขึ้นมาเป็นกังวลก็จะเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้เลย เพราะจะติดเราก็ต้องแก้ไขให้ได้ทั้งหมด เพียงแต่ต้องหารือกัน

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวถึงกรณีนายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว และภริยา ในโอกาสเดินทางเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการในฐานะแขกของรัฐบาลในวันที่ 6 กรกฎาคม ว่าเป็นเพื่อนบ้านกัน เขามาในโอกาสเข้ารับตำแหน่งใหม่ เพราะเรามีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันการแบบกลุ่มประเทศลุ่มน้ำโขง (ซีแอลเอ็มวี) จึงต้องขับเคลื่อนทั้งหมดมาพูดคุยหารือกันในเรื่องที่มีอยู่แล้วเดิม เพราะเป็นการเปลี่ยนรัฐบาล เหมือนทางพม่ามา เปลี่ยนรัฐบาลก็ต้องมีการมาเยี่ยมเยียนกัน ติดตามความร่วมมือเดิมที่มีอยู่ว่ามีการสานต่อกันอย่างไร และมีการที่ต้องเพิ่มเติมมากขึ้น ตนได้ให้นโยบายของเราไว้แล้วว่าเราจะต้องไปด้วยกัน จะต้องดูเพื่อนของเราทั้งหมด อะไรที่เป็นกิจกรรมร่วมกัน เมื่อเราเปิดประตูอาเซียนแล้วเราจะต้องขับเคลื่อนทั้งหมดไว้อย่างนั้นเราจะแข็งแรงไม่เพียงพอในโลก

เมื่อถามว่ามีประเด็นที่จะหารือเป็นพิเศษกับลาว พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า คุยเรื่องความร่วมมือ เมื่อถามย้ำว่ามีความเห็นอย่างไรกับเรื่องแรงงานลาว นายกฯ กล่าวว่า ตนไม่ได้ดูแลแรงงานลาวอย่างเดียว แต่ดูทุกประเทศ

“คนไทยทำไหมล่ะพวกงานที่ว่า งานที่ต้องใช้แรงงานต่างด้าวที่ต้องเอาเพื่อนบ้านเรามาทำ ถ้ามีคนไทยทำเขาก็คงไม่เข้ามา แต่เพราะไม่มี วันข้างหน้าก็ระมัดระวัง หากเขาแข็งแรงขึ้น เขาก็จะเรียกคนกลับไปทำงานบ้านเขาหมด เราต้องมองตรงโน้น วันนี้ที่เขาทำบ้านเราเพราะบ้านเรามีอาชีพมีรายได้ที่เพียงพอ เราก็ต้องดูแลเขา เพราะเขาเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาประเทศ ถ้าไม่มีเขาแล้วใครจะทำ 72 ล้านคนมีคนไทยทำไหมล่ะ”

เมื่อถามว่าจะมีการหารือการประชุมอาเซียนซัมมิตหรือไม่ นายกฯกล่าวว่า เขามีแผนการล่วงหน้าอยู่แล้ว การประชุมครั้งที่ผ่านมาเขาก็พูดถึงการหารือครั้งต่อไปว่าจะประชุมเรื่องอะไร เป็นเรื่องความมั่นคง เศรษฐกิจ สังคม และเรื่องการท่องเที่ยว ก็คือเรื่องความร่วมมือ

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวถึงกรณีรถยนต์ที่ค้างอยู่บริเวณท่าเรือจำนวนมากว่า ได้ให้กระทรวงการคลัง และกรมศุลกากรไปดูว่าจะแก้ไขปัญหาดังกล่าวอย่างไร เพราะค้างอยู่หลายปีแล้ว แล้วก็ไม่มารับกลับกัน เราก็ต้องหามาตรการเอารถออกมา ไม่มีเอื้อให้ใครทั้งสิ้น ถ้าไม่มีใครมารับไปก็ต้องตกเป็นของรัฐทั้งหมด


กำลังโหลดความคิดเห็น